เหตุผลที่ควรเราไม่ควรกินถั่วงอกดิบ 

เหตุผลที่ควรเราไม่ควรกินถั่วงอกดิบ 

        เหตุผลที่ควรเราไม่ควรกินถั่วงอกดิบ   ถั่วงอกคือผักชนิดหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาหารที่คนนิยมกินกันมากและการกินถั่วงอกนั้นคนส่วนใหญ่นิยมกินแบบดิบเพราะจะให้รสชาติที่กรุบกรอบและอร่อยซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะกินถั่วงอกดิบในการกินควบคู่กับอาหารชนิดอื่นๆเช่นกินคู่กับขนมจีนน้ำยาหรือไม่ก็กินคู่กับน้ำพริก

แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการกินถั่วงอกติดนั้นส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดีถึงแม้ว่าถั่วงอกนั้นจะเป็นผักแต่การรับประทานถั่วงอกนั้นควรจะรับประทานแบบสุกจะให้ประโยชน์กับร่างกายได้มากกว่า  ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าทำไมเราถึงไม่ควรกินถั่วงอกดิบเมื่อคืนไปแล้วมีอันตรายเกิดขึ้นอะไรกับเราได้บ้าง

        อย่างที่เรารู้กันดีว่าถั่วงอกนั้นปลูกขึ้นมาจากสถานที่ที่มีความชื้นซึ่งถ้าหากเราไปปลูกถั่วงอกในอุณหภูมิที่มีความร้อนจะไม่ทำให้ถั่วงอกนั้นเกิดขึ้นมาได้แต่เมื่อใดก็ตามที่เราปลูกในสถานที่ที่มีความชื้นยิ่งชื้นมากถั่วงอกก็จะยิ่งขึ้นได้ดี

และอย่าที่เรารู้กันดีว่าช่วยโลกส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในความชื้นเช่นเดียวกันดังนั้นเมื่อมีการปลูกถั่วงอกในจุดที่มีความชื้นสูงงอกเจริญงอกงามดีเชื้อโรคก็เจริญงอกงามดีตามถั่วงอกด้วยนั่นเอง

         สำหรับเชื้อโรคที่มาพร้อมกับถั่วงอกนั้นจะมีเชื้อสมอเนล่า และเชื้อ อีโคไล  ซึ่งมันจะมาตอนที่มีการปลูกถั่วงอกท่านเองและถ้าหากว่าเรานำถั่วงอกมารับประทาน

โดยที่เราล้างไม่สะอาดเชื้อเหล่านี้ก็อาจจะยังคงติดอยู่กับถั่วงอกและเมื่อเรารับประทานเข้าไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อทั้งสองชนิดนี้ หากเรากิน เข้าไปแล้วมันจะส่งผลทำให้เราเกิดอาการท้องเสียได้ 

        นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าถ้าถั่วงอกนั้นมีความอวบและความขาวโดยเฉพาะมีความขาวมากๆแสดงว่าเป็นถั่วงอกที่อันตรายมากเนื่องจากว่าโดยปกติแล้วถั่วงอกที่เป็นสีขาวนั้นมักจะถูกล้างโดยสารฟอกขาวซึ่งยิ่งถั่วงอกขาวเท่าไหร่สารฟอกขาวก็ยึดติดที่ถั่วงอกมากในปริมาณมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเรานำถั่วงอกมากินแล้วล้างสารฟอกขาวไม่หมด สารนี้ก็จะเข้าไปในร่างกายของเราได้เช่นเดียวกัน 

       และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือในถั่วงอกนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าไฟแต่ซึ่งสารชนิดนี้นั้นคุณสมบัติของมันจะไปยับยั้งการดูดซับแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆเมื่อเรากินถั่วงอกในปริมาณที่เยอะ สารชนิดนี้ก็จะเยอะตามไปด้วยและมันจะส่งผลทำให้เราไม่สามารถดูดซับและธาตุและสารอาหารต่างๆในร่างกายเพื่อไปบำรุงร่างกายให้กับตัวเราได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    WM Casino

ขั้นตอนการรักษา หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19

      หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับคนที่สนใจข้อมูลกับการรักษาอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  ว่ามีขั้นตอนการรักษาอย่างไรบ้างวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลแบบคร่าวคร่าวเพื่อเราจะได้รู้ข้อมูลล่วงหน้าว่าหากเราติดเชื้อไวรัส covid-19  แล้วเราต้องเจอกับการรักษาแบบไหนบ้างเพื่อให้อาการของเราหายเร็วยิ่งขึ้น 

      สำหรับอาการเริ่มแรก ของคนที่ติดเชื้อไวรัส covid

นั้นจะมีอาการไข้ขึ้นซึ่งไข้จะขึ้นสูงมากโดยปกติแล้วจะไม่ต่ำกว่า 38 องศาและอาจสูงถึง 40 องศาได้ในขณะเดียวกันก็จะมีการไอร่วมด้วยซึ่งลักษณะของการไอนั้นจะเป็นไอแบบแห้งๆและบางคนอาจจะมีเสมหะหรือบางคนนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องของการลดหรือการบำรุงดินด้วยเช่นเดียวกัน

       หลังจากที่มีการตรวจเจอไวรัสโควิตแล้วคุณหมอที่ทำการรักษาจะเริ่มให้คนไข้นั้นกินยาต้านไวรัส covid โดยยาต้านไวรัสโควิคนั้นมีชื่อว่ายาฟาวิพิราเวียร์  ด้วยการกินยาชนิดนี้นั้นจะต้องกินครั้งละ 9 เม็ด   โดยมีการกินพร้อมกันทีเดียวและคุณหมอจะคอยเฝ้าสังเกตอาการเป็นระยะนอกจากจะกินยาแล้วคุณหมอยังต้องมีการตรวจวัดไข้ทุกๆ 4 ชั่วโมงอีกด้วยแต่ถ้าเกิดว่ากินยาแล้วไข้ไม่ลดคุณหมอก็จะต้องมีการฉีดยาเข้าเส้นเลือดผ่านทางน้ำเกลือเพื่อพยายามทำให้ไข้ลดลงให้ได้และถ้าไข้ยังไม่ลดลงอีกคุณหมอก็จะมีการพิจารณาอาจจะเพิ่มตัวยาเข้าไปให้อีก

          ซึ่งการรักษานั้นจะเน้นการรักษาอาการลดไข้เป็นหลัก

นอกจากนี้แล้วก็มีการเข้าไปทำงานปวดปอดอีกด้วยเพราะถ้าหากว่ามีการติดเชื้อแล้วเกิดปอดอักเสบขึ้นมาแล้วเราก็การรักษาก็จะต้องมีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นมากไปอีกเนื่องจากว่าไวรัส covid นี้อันตรายมากที่สุดก็คือถ้าหากเชื้อลงปอดซึ่งถ้าหากใครเป็นไวรัสโควิด แต่เชื้อไม่ลงปอดนั้นรักษาตามอาการโดยการกินยาลดไข้กินยาต้านไวรัสรวมถึงกินยาลดอาการไอน้ำมูกถ้าเกิดไข้หมดไม่มีการไอไม่มีเสมหะก็สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามอาการรุนแรงแล้วเชื้อเกิดการอักเสบลงไปที่ปอดถ้าเชื้อไวรัสลงไปปอดไม่เกิน 50% ก็ยังสามารถที่จะทำการรักษาได้

              โดยคุณหมอจะมีการรักษาค่อยๆเอาเชื้อไวรัสออกจากปอดแต่ถ้าเกิดว่าเกินกว่า 50% แล้วมันจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะหายใจไม่สะดวกจนต้องให้ออกซิเจนกันเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามระหว่างที่มีการรักษาไวรัสโควิตนั้นคุณหมอจะต้องมีการตรวจวัดค่าออกซิเจนทุกวัน

ซึ่งออริเจนสำหรับคนปกตินั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 96 เปอร์เซ็นต์รวมถึงจะต้องมีการเช็คเกี่ยวกับเรื่องของการเต้นของหัวใจอีกด้วยดังนั้นจึงต้องมีการตรวจร่างกายทุกวันและที่สำคัญถ้าหากใครได้กินยาต้านไวรัสเข้าไปแล้วเราก็จะต้องมีการเจาะเลือดรวมถึงเอาปัสสาวะไปตรวจแบบวันเว้นวันกันเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  wm gaming

ดีหรือไม่ เมื่อคนวัยทองทานฮอร์โมนชดเชย

 

ฮอร์โมนที่จำเป็นต้องทานในวัยทอง คืออะไร ?

คนวัยทองทานฮอร์โมนชดเชย ฮอร์โมนที่ให้คนวัยทองทานเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ใช้สำหรับ เพื่อดูแลอาการที่มักจะเกิดขึ้นในวัยทอง ซึ่งคุณผู้หญิงจะใช้พวกเอสโตรเจน ที่มีส่วนประกอบเดียวกับฮอร์โมนผู้หญิงภายในร่างกาย บางทีอาจให้ทานคู่กับฮอร์โมนผู้หญิงอีกตัวหนึ่ง เป็นโปรเจสเตอโรน ที่มีคุณลักษณะเหมือนกันกับฮอร์โมนเพศตามธรรมชาติ แต่ว่าจำนวนมากนิยมใช้ประเภทยารับประทาน

ยิ่งไปกว่านี้ คุณหมออาจพินิจให้ฮอร์โมนชดเชยวัยทองในแบบอื่น ๆ ดังเช่น

– ฮอร์โทนชดเชยวัยทองแบบเจล (สำหรับทาผิวหนัง)

– ฮอร์โมนชดเชยวัยทองแบบแผ่นติด

– ฮอร์โมนชดเชยวัยทองแบบใส่ทางช่องคลอด

– ฮอร์โมนชดเชยวัยทองแบบพ่นเข้าจมูก

ขึ้นกับในกรณีที่คนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับตับ ระบบทางเดินอาหาร โรคเบาหวาน ภาวการณ์ไขมันในเลือดสูง ปวดหัวแบบไมเกรน ฯลฯ

 

การเลือกสมุนไพรดูแลตนเองในตอนวัยทอง

แนวทางแบบนี้บางทีอาจเป็นหนทางที่ดีมากกว่าการทานยาฮอร์โมนชดเชย เพราะว่าเป็นแนวทางธรรมชาติแล้วก็ไม่มีอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวมากยิ่งกว่า ไม่ทิ้งสารตกค้าง หรือการสั่งสมของสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างสมุนไพรที่กำลังให้ความสนใจมากในตอนนี้ เช่น ตังกุย ยังสามารถทานเพื่อบำรุงได้ตั้งแต่ก่อนเป็นวัยทอง ตอนวัยทอง และก็หลังเป็นวัยทอง อีกด้วย

จุดเด่นของฮอร์โมนชดเชยวัยทอง

เดี๋ยวนี้การดูแลและรักษาหรือการบรรเทาอาการวัยทองในหญิงหลาย ๆ คน ชอบเน้นย้ำ เลือกการกินยาฮอร์โมนตอบแทน เนื่องจากว่าหาง่ายแล้วก็มีความสบาย ทั้งยังได้ผลลัพธ์ได้เร็วแก้อาการได้จริง ฮอร์โมนชดเชยวัยทองก็เลยเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่มักถูกประยุกต์ใช้รักษา

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของฮอร์โมนตอบแทนวัยทอง

หากมีการกินโดยไม่มีหมอผู้ชำนาญดูแล หรือกินไม่ถูกชนิดแล้วก็เกินจำนวน บางทีอาจก่อให้เกิดผลเสียให้มีเลือดไหลทางช่องคลอด เจ็บเต้านม ลักษณะของการปวดหัวไมเกรน แล้วก็อื่น ๆ ขึ้นกับร่างกายแต่ละคน

 

สำหรับหัวข้อฮอร์โมนชดเชยวัยทองในวันนี้ การเลือกรักษาด้วยการใช้แนวทางแบบนี้จะไม่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายเท่าไรนักถ้ามีผู้ชำนาญ หรือหมอรอให้คำแนะนำดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด แล้วก็คุณยังสามารถเลือกบำรุงร่างกายด้วยสมุนไพรที่ได้จากธรรมชาติพร้อม ๆ กันได้อีกด้วย เนื่องจากว่าสมุนไพรที่แนะนำว่าให้คนวัยทองทาน เพื่อจะช่วยลดอาการต่าง ๆ

ในวัยทองได้ดีมากว่าเดิม ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้คนวัยทองก็อย่าลืมดูแลตนเองด้วยหลักพื้นฐานของการดูแลสุขภาพ คือ รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ทานหลากหลาย ออกกำลังกายเบา ๆ สำหรับคนวัยทอง และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  aesexy

ปวดหัวเพราะขาดคาเฟอีนควรทำอย่างไร

    แน่นอนว่า กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปวดหัวเพราะขาดคาเฟอีน เพราะเนื่องจากในกาแฟนั้นจะมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวอยู่ตลอด จึงเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในช่วงเช้า เพราะชีวิตของวัยทำงานต้อง ตื่นเช้า นอนดึกกันเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้น กาแฟจึงสำคัญและจำเป็นมากกับหลายๆ คน

ปวดหัวเพราะขาดคาเฟอีน รู้หรือไม่ว่า เมื่อร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยให้เราหายง่วง หรือสมองตื่นตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเฉียบพลันได้อีกด้วย แต่ทว่าการดื่มกาแฟก็ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายของเราได้มากมัก จึงทำให้ใครหลายๆ

คนเลือกที่จะหยุดดื่มกาแฟแบบหักดิบไปเลย เพราะอาจจะกลัวว่าหากเราดื่มเข้าไปมากๆ กาแฟอาจไปทำลายสุขภาพของเราได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะมายกตัวอย่างว่าหากเราเลือกที่จะไม่ดื่มกาแฟแล้ว อละรู้สึกปวดหัวเมื่อขาดคาเฟอีนในกาแฟควรจะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบค่ะ 

การลดปริมาณ หากคุณต้องการที่จะเลิกดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงว่าอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คุณยังอาจมีภาวะปวดหัวเนื่องจากร่างกายขาดคาเฟอีน ทางที่ดีที่สุด เราไม่ควรที่จะเลิกดื่มเลยทันที แต่ควรเลือกบริโภคในปริมาณที่ลดน้อยลงกว่าเดิมจากที่เคยกิน เช่น หากคุณดื่มเป็นประจำทุกวัน แต่ให้ลดลงมาเป็น อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ลดปริมาณลงเรื่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายของเราได้ปรับเปลี่ยนได้ทัน

ดื่มเครื่องดื่มที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันอาการปวดหัวเฉียบพลันจากการที่ร่างกายขาดคาเฟอีน ควรหันมาดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นแทน เช่น โกโก้ ชา หรือช็อกโกแลต เพราะอาจเป็นเครื่องดื่มที่ใกล้เคียงและอาจมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับกาแฟ 

จำกัดปริมาณ การจำกัดปริมาณในการดื่มกาแฟ เช่น หากว่าก่อนหน้านี้คุณดื่มแก้วใหญ่ มาวันนี้ให้ลดปริมาณลงมาให้เหลือเพียงแก้วเล็ก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะชิน ร่างกายที่อาจปวดหัวเมื่อขาดคาเฟอีนก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ 

อย่างไรก็ตาม สารคาเฟอีนที่ผสมอยู่ในกาแฟ การที่จะออกฤทธิ์ได้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย ว่าจะมีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน  เพราะเนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายของแต่ละคนนั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่า รู้สึกมีร่างกายที่กระฉับกระเฉงมากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังรวมเป็นสารเสพติดที่อาจส่งงผลให้ใครหลาย ๆ คนติดได้ง่าย และไม่สามารถเลิกได้ เพราะหากเลิกก็จะรู้สึกร่างกายขาดคาเฟอีน หรือปวดหัวเฉียบพลันนั่นเอง หากไม่เลิกอย่างถูกวิธี

 

 

สนับสนุนโดย.  hiallbet

ขับถ่ายยาก ปัญหาที่เราไม่ควรมองข้าม

ขับถ่าย ยากเป็นปัญหาหนัก และเป็นปัญหากวนใจสำหรับใครหลายคนเป็นอย่างมาก ซึ่งปัญหานี้สร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตให้กับใครหลายคนเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้สึกอึดอัด และถ้าว่าปล่อยให้ท้องผูก ก็จะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่เพิ่มมากขึ้นไปอีก และเป็นปัญหาที่ร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งลำไส้เลยก็ได้ หากใครที่คิดว่าท้องผูกก็แค่กินยา อย่าคิดว่าหาท้องผูกกินยาแล้วจะหาย เพราะเราไม่รู้เลยว่าเป็นอาการท้องผูกธรรมดา หรือเป็นอาการท้องผูกเรื้อรังไปแล้ว หากไม่ได้รบการตรวจร่างกาย

ขับถ่ายยาก เพราะหากเป็นท้องผูกเรื้อรังก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ได้ นอกจากนี้แล้วอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดอาการท้องผูกก็คือ พฤติกรรมการรับประทานอาหารของเรานั่นเอง อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องของการขับถ่ายจึงเป็นปัญหาที่เราทุกคนนั้นไม่ควรมองข้ามมันอย่างเด็ดขาด เพราะอาจส่งผลได้มากต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังนั้น ปัญหาการขับถ่ายจะเป็นเรื่องง่าย หากคุณได้ลองทำตามวิธีที่เราได้นำมาฝากกัน ซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ ทั้งยังสามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

ขับถ่ายให้เป็นเวลา การขับถ่ายให้เป็นเวลาจะช่วยให้ระบบการขับถ่ายของเราทำงานได้ดีมากขึ้นตลอดทั้งวัน และที่สำคัญเลยเราไม่ควรอั้นอุจจาระ เพราะจะส่งผลเสียต่อลำไส้ของเรา การขับถ่ายที่ดีคือการเลือกเวลาในการขับถ่าย และปรับเปลี่ยนท่าให้เหมาะสมเวลาเข้าห้องน้ำ หรือหากต้องการถ่ายคล่องมากขึ้น ก็ควรที่จะมีเก้าอี้เล็ก ๆ หนึ่งตัวไว้พักขา เรียนแบบทางนั่งยอง ๆ เพื่อให้การขับถ่ายของเรานั้นสะดวกมากขึ้น 

การรับประทานอาหาร การเลือกรับประทานอาหารประเภท ผักผลไม้ หรือธัญพืช จะสามารถเพิ่มใยอาหารให้แก่ร่างกาย และเป็นผลดีต่อระบบขับถ่ายของเรา เพราะอาหารที่มีกากใยอาหารสูงนั้น มักจะพบในผัก ผลไม้ ซึ่งอาหารประเภทนี้แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายและผิวพรรณของเราเท่านั้น ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นอาหารที่สามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี หากใครที่มีปัญหาถ่ายไม่คล่อง และท้องผูกอยู่บ่อย ๆ ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนม เพราะนมจะมีขันสูงที่อาจส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายได้ 

การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือการออกกำลังกาย การทีเราจะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย แน่นอนว่าต้องมีการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง เล่นโยคะ หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยให้ร่างกาของเราได้เคลื่อนไหว เพียงทำวันละ 20-30 นาที จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเคลื่อนไหวลำไส้ให้ทำงานได้เป็นปกติอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้อีกด้วย

 

สนับสนุนโดย.  ชุดตรวจ hiv

พฤติกรรมแย่ ๆ ทำร้ายดวงตา

เมื่อแก่ขึ้นความเสื่อมโทรมต่าง ๆ ในร่างกายก็ตามมา ไม่ว่าจะอวัยวะส่วนใดก็เสื่อมโทรมลงอย่างแน่นอน ในทุก ๆ วันนี้อวัยวะที่มีการใช้งานบ่อย ๆ และสำคัญ หนึ่งในนั้นก็คงเป็นดวงตา บางคนดูแลดีดวงตาก็เสื่อมโทรมช้า แตกต่างกันขึ้นอยู่แต่กับละบุคคล รู้หรือไม่ว่า life style แย่ ๆ ส่งผลเสียต่อดวงตา วันนี้มาดูกันดีกว่าว่า พฤติกรรมแย่ ๆ ทำร้ายดวงตา life style แบบไหนบ้างที่รังควานดวงตาของพวกเรา

  1. ดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินความจำเป็น เนื่องจากว่าการดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากจะนำมาซึ่งการทำให้สมองแล้วก็ระบบประสาทเสื่อมได้ง่าย และก็ส่งผลทำให้เส้นประสาทต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับดวงตาจะเกิดเสื่อมก่อนวัยอันควร
  2. ความประพฤติจนแบบสังคมก้มหน้าหรือการติดหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือติดคอมพิวเตอร์ ถ้าเยอะเกินไปก็จะมีผลให้สายตาอ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอกเหนือจากนั้นแสงสีฟ้า (Blue Light) จากจอก็ทำให้เกิดผลเสียกับจอประสาทตาได้ โดยจะเสื่อมเร็วขึ้นนั่นเอง
  3. รับประทานยาแก้โรคเครียด ยารักษาโรคซึมเศร้า แล้วก็ยาขับปัสสาวะ เพราะว่ายากลุ่มนี้เป็นยาที่มีผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยยิ่งไปกว่านั้นกคือที่อยู่บริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ระยะสายตายาวขึ้น ด้วยเหตุว่าสายตาไม่อาจจะหาจุดโฟกัสได้เหมือนปกติ
  4. คนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคตา อาทิเช่นโรคต้อหิน โรคต้อกระจก ฯลฯ
  5. ใช้ตัวช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตา ไม่ว่าจะเป็น การต่อวาดเทปกาวสองชั้น การใส่คอนแท็กต์เลนส์ โดยเครื่องไม้เครื่องมือพวกนี้เมื่อใช้ไปช่วงเวลานานจะมีผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตาทำให้จะต้องจ้องหรือเขม่นดูมากจนเกินความจำเป็น และก็มีการกะระยะที่บกพร่อง ก็เลยเสนอแนะว่าไม่สมควรใช้อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาที่ยาวนานต่อเนื่องกัน

แนวทางถนอมสายตา คุ้มครองป้องกันตาเสื่อมก่อนวัย

  1. สวมแว่นป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกรองรังสียูวี ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยคุ้มครองป้องกันควันที่มีพิษหรือสารเคมีอันตรายที่เข้ามากระทบตาได้ในระดับหนึ่ง โดยชี้แนะให้เลือกระดับความมืดของฟิล์มแว่นตาดำให้เหมาะสมกับ lifestyle ของพวกเรา และก็ถ้าจะต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ทีมีสารต่าง ๆ ก็ควรใส่หน้ากากกันควันพิษไว้เสมอ
  2. ตรวจสายตาปีละครั้งเมื่อไปสู่วัย 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างพวก เบาหวาน มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคเบาหวานขึ้นหน้าจอประสาทตา เรตินาเสื่อมได้ เพื่อหาวิธีรักษารวมทั้งคุ้มครองป้องกันสายตาไม่ให้เสื่อมก่อนวัย
  3. ทานอาหารบำรุงสายตา หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดที่มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงสายตาได้ สารสำคัญที่ช่วย ยกตัวอย่างเช่นomega-3 หรือสารสกัด Astaxanthin จากสาหร่ายสีแดง มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงสายตา

 

เมื่อทราบ. พฤติกรรมแย่ ๆ ทำร้ายดวงตา แบบนี้แล้ว อย่าลืมนำเอากลเม็ด รวมทั้งแนวทางดี ๆ พวกนี้ไปประยุกต์ในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000

การนอนดึกส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร

ปัจจุบันการเพื่อที่จะให้ร่างกายมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรน้อยอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นคงไม่มีใครทำได้อย่างแน่นอน เพราะเนื่องด้วยสังคมสมัยนี้เต็มไปด้วยชีวิตของการทำงาน จนไม่มีแม้แต่เวลานอนเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การนอนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อร่างกาย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยเสริมสร้างให้ร่างกาบของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงแต่สุขภาพกายเท่านั้น ยังส่งดีไปยังสุขภาพจิตของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ก็เชื่อว่า หลายคนคงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งในหน้าที่การงาน ครอบครัว หรืออื่น ๆ เพราบางคนอาจจะคิดว่าการนอนน้อยนั้นจะช่วยให้เราทำงานได้มากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว

การนอนเต็มอิ่มจะช่วยให้เรามีความคิดที่สร้างสรรค์มากกว่าคนอื่นอีกต่างหาก หาใครที่คิดว่าการที่เรานอนน้อยแล้วจะได้งานเยอะนั้นคุณคิดผิด เพราะนอนจากจะทำให้เรานอนดึกแล้ว ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เราจะมายกตัวอย่างผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเราเมื่อเรามีพฤติกรรมการนอนดึก

  • โรคอ้วน รู้หรือไม่ว่า การนอนดึกนั้นก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นนโรคอ้วนได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้หญิงอย่างเราเพราะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย เพราะเนื่องจากการนอนดึกแล้ว ก็จะมีส่วนในการทำให้พฤติกรรมการกินของเรานั้นเปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนอนดึกมากแค่ไหน กินยิ่งหิวมากเท่านั้น ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ควรนอนก็ควรวางมือจากการทำสิ่งต่าง ๆ และเข้านอนให้ตรงเวลาจะดีที่สุด
  • ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต รู้หรือไม่ว่าเมื่อเรานอนดึกเป็นประจำ จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้หลังการตื่น เพราะเมื่อเรานอนดึกเป็นประจำทุกวัน นาน ๆ ไปก็อาจส่งผลให้หลังการตื่นนอนของเรานั้นมีอารมณ์ที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็น ซึมเศร้าง่าย มีความคิดเชิงลบมากกว่าบวก มีภาวะการวิตกกังวล เป็นต้น นอกจากจะส่งผลเสียไปยังสุขภาพจิตของเราแล้วก็อาจส่งผเลยไปยังสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน
  • มีริ้วรอย เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า เมื่อเรานอนดึกจะเห็นได้เลยว่าร่างกายของเรานั้นจะดูไม่ดี ไม่มีสุขภาพ และรวมไปถึงเรื่องของผิวเราด้วย เมื่อไหร่ที่เรานอนดึกมาก ๆ นาน ๆ ไปจะทำให้ผิวของเราเกิดการเหี่ยวย่น และมีริ้วรอยขึ้นได้ง่ายนั่นเอง อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการเป็นสิวได้อีกด้วย ดังนั้น หากใครที่นอนดึกเป็นประจำก็จะสามารถสังเกตได้เลยว่าผิวดูไม่มีน้ำมีนวล และร่างกายก็จะไม่ได้รับการฟื้นฟู ทั้งนี้ หากต้องการมีผิวที่มีสุขภาพดี รวมไปถึงร่างกายด้วยก็ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเต็มที่

 

 

สนับสนุนโดย    บาคาร่า sa

การที่เราง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาสามารถที่จะแก้ได้อย่างไรบ้าง

ในการที่เราได้มีการใชชีวิตประจำวันอยู่นั้นอาการง่วงจะเป็นสิ่งที่เราได้พบแทบจะทั้งวันเลย ซึ่งไม่ว่าจะจะทำการนอนมามากเพียงใด เราก็จะมีการเกิดอาการง่วงนั้นอยู่เป็นประจำเลย ซึ่งถ้าเราจะคิดว่าอาการนี้เป็นอาการที่ปกติและสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่อาการง่วงนอนนี้เป็นอาการที่มีการส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเรามาก และยังจะมีการส่งผลต่อ บุคลิก การงาน หรือชีวิตของเรานั้นมากเลย ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นจากการที่เราทำการนอนหลับพักผ่อนที่น้อยนั้นเอง หรือการที่เราทำการนอนหลับพักผ่อนมาทั้งคืนแล้ว อาการง่วงนอนนี้ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยที่อาการง่วงนอนนี้นั้นจะมีการเกิดขึ้นจากสาเหตุดังนี้

  1. การที่เราทำการนอนดึกปนะจำ

การที่เราได้ทำการนอนดึกแล้วตื่นมานั้น จะทำให้ร่างกายของเรารู้สึกอ่อนเพลียมาก และทำให้เรารู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลานั้นเอง แต่ในการที่เราทำการนอนดึกและตื่นสายนั้น ก็ไม่ได้มีการช่วยทำให้เรารู้สึกหายง่วงได้เลย

  1. การที่เรามีสุขภาพจิตที่แย่

การที่เราได้มีอาการเบื่อ หรือไม่อยากที่จะทำการใช้ชีวิตประจำวันอะไรเลยนั้น ก็มีการส่งผลต่ออาการง่วงของเราด้วย เพราะว่าอาการเบื่อ หรือการที่เราไม่ได้มีสุขภาพจิตที่ดีนั้น จะทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียและไม่อยากที่จะมีการทำอะไรเลยด้วย

  1. การที่เราเกิดโรคบางอย่างขึ้น

อาการของโรคบางอย่างนั้นก็มีส่วนที่ทำให้เรานั้นง่วงนอนได้เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย ง่วง เบื่อ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเราได้มีโรคบ้างอย่างเกิดขึ้นก็ได้

ซึ่งในการที่เราจะทำการแก้ปัญหาอาการง่วงอยู่ตลอดนั้น จะมีวิธีในการแก้ไขปัญหาอยู่หลากหลายวิธีเลย โดยที่จะมีวิธีในการแก้ปัญหาอาการง่วงดังนี้

  1. การที่เราจะทำการนอนและตื่นนอนอย่างเป็นเวลามากขึ้น

การที่เราจะทำการนอนอย่างตรงเวลาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากเลย เพื่อที่จะทำให้เราไม่รู้สึกง่วงในตอนกลางวัน และเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเรานั้นชินในการนอนหลับพักผ่อน และทำให้ในตอนที่เราตื่นมาแล้วนั้นจะไม่รู้สึกง่วงระหว่างวันด้วย การกำหนดเวลาในการนอนหลับของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก

  1. การที่เราจะทำการเปลี่ยนสภาพของห้องนอน

ห้องนอนเป็นห้องที่เราควรจะทำให้บรรยากาศของห้อง เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อนมาก เพื่อที่ในการนอนหลับของเรานั้นจะสามารถที่จะทำได้ง่าย โดยที่เราควรจะดูที่แสงที่เข้ามาในห้องของเรา อุณหภูมิ และบรรยากาศ ให้เราสามารถที่จะนอนหลับได้ง่ายๆ

 

สนับสนุนโดย  เว็บหวยออนไลน์ เชื่อถือได้

ยาลดไขมันรู้ไว้ปลอดภัยกว่า

ซึ่งเราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับคอเลสเตอรอลว่าเมื่อไหร่ที่คุณจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาแน่ๆหมายความว่าคุณหมอจะแนะนำว่าจะต้องรับประทานยาเพราะว่าในตอนนี้มักจะสับสนกันว่าคอเลสเตอรอลสูงสรุปแล้วมันจำเป้นที่จะต้องรับประทานยาหรือเปล่าแบบนี้ตัวเลขเท่าไหร่ถึงจะทานยาและบางคนกินยาเข้าไปแล้วก็มีผลแทรกซ้อนได้ยินมามันค่อนข้างที่จะน่ากลัวไม่ขอกินยาได้ไหม

นอกจากนี้เราก็จะมาบอกว่าเมื่อไหร่แล้วที่จะแนะนำมากๆที่จะให้กินยามีอยู่ด้วยกันแบบเน้นๆไปเลยคือเมื่อก่อนสักประมาณปี2013มันก็ได้มีไกด์ไลน์ออกมาหรือข้อแนะนำว่าถ้าคอเลสเตอรอลมากกว่า200และตัวLDLคอเลสเตอรอลตัวที่นิสัยไม่ดีมากกว่า100แนะนำใหกินยาแล้วเพื่อลดระดับไขมันที่อยู่ในเลือด

ดังนั้นในตัวยาลดระดับไขมันในเลือดมันก็จะมีผลแทรกซ้อนต่างๆมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ละคนตามแต่ละท่านเพราะฉะนั้นหลังๆแล้วนี่เขาก็จะพยามให้คุณกินยาเพื่อลดลงและจะต้องได้ผลมากที่สุดและเหมาะสมที่สุดไม่ใช่ว่ากินยาไปเรื่อยเราไม่จำเป็นต้องกินก็ไม่ต้องกิน

เนื่องจากนี้ก็ได้มีการสรุปผลออกมาล่าสุดในปี2018ได้มีการประชุมเอาคนนั้นมาประชุมเยอะแยะมากมายเขาก็ได้แบ่งออกมาที่มีความเสี่ยงสูงที่เราควรจะแนะนำว่าจะต้องกินยาเลยและลองดูว่าถ้าคุณเป็นคนในกลุ่มนี้แล้วยังไม่ได้รับยาอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวดูว่าแบบนี้มันน่ากลัวพอหรือยังหรือว่ามันมีลายละเอียดอะไรบ้างที่มีความจำเป้นที่จะต้องกินยาแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้วคุณมีประวัตโรคหลอดเลือดต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเจ็บหน้าอกเล็กน้อยเจ็บหน้าอกมากแต่ได้รับการตรวจว่าหน้าจะเกี่ยวกับโรคโรคหัวใจและอันต่อมาคุณมีโรคหลอดเลือดสมองเคยปากเบี้ยวมือชามือขยับไม่ได้น้ำลายไหลแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นแปปเดียวแล้วหายอยู่จริงๆตามืดบอดแล้วก็กลับมามองเห็นได้แบบนี้อาจจะต้องแนะนำให้กินยาในกลุ่มขอลดไขมันในเส้นเลือดหรือว่ากลุ่มที่ควรผ่าตัดรักษาหลอดเลือดต่างๆตามตัวตามร่างกายที่เกิดจากหลอดเลือดอุดตัน

ซึ่งเราขอแนะนำว่าให้คุณกินยาดไขมันในเส้นเลือดถ้าตัวไขมันไม่ดีตัวLDLเหล่านั้นไม่ดีมากกว่า70และมีอาการหรือว่ามีโรคที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วคุณควรที่จะรับประทานยาลดไขมันในเส้นเลือดที่นี้เรามาดูต่อก็จะเป็นตัวของไขมันไม่ดีLDLที่มันมากกว่า190แนะนำให้กินยาลดไขมันในเส้นเลือดเราจะได้ประโยชน์มากกว่าโทษของมันที่เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆจะได้ประโยชน์มากกว่า

 

สนับสนุนโดย    สล็อตjoker โอน ผ่าน วอ เลท ไม่มีขั้นต่ำ

ผลไม้ประเภทไหนบ้าง กินแล้วหุ่นดีผิวสวย

สมัยนี้ การดูแลสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากโรคของเรานั้นเต็มไปด้วยโรคภัยต่าง ๆ ฝุ่น ควัน มลพิษมากมายที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลผิว ซึ่งในสมัยนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่หันมาดูแลใสใจเรื่องของการดูแลผิวกันเป็นจำนวนมาก เพราะสภาพอากาศบ้านเรานั้นค่อนข้างที่จะมีแดดจัด จนอาจส่งผลเสียต่อผิวของเราได้

ดังนั้น การจะมีสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอกนั้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นมันอย่างไรดี จึงทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจขึ้นว่าตนเองนั้นจะดูแลผิวอย่างถูกวิธีหรือเปล่า การที่เราจะมีผิวที่ดี มีหุ่นที่สวยได้นั้น สิ่งสำคัญเลยก็คือ เกิดจากพฤติกรรมการกินของเรา

เพราะการที่ร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปแล้ว ระบบดูดซึมของร่างกายก็จะทำการดูซึมสารอาหารเพื่อไปเลี้ยงผิวของเรานั้นเอง อย่างไรก็ตาม คนเรามีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกันอยู่แล้ว แต่จะเลือกกินอย่างไรใหส่งผลต่อผิวพรรณ และรูปร่างที่สวยผอมของเราได้ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ การที่เราจะมีสุขภาพผิวที่ดี มีร่างกายที่แข็งแรง สวยผอม จะเริ่มต้นด้วยการเลือกกินอย่างไรไปดูกันค่ะ

  • ทับทิม หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในทับทิมนั้นอัดแน่นไปด้วยวิตามินต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวของเรานั้นกระจ่างใส่ขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วหากใครที่ดูแลเรื่องของผิวพรรณอยู่แนะนำให้ดื่มน้ำทับทิมเยอะ ๆ จะยิ่งช่วยให้ผิวของเรานั้นกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วทับทิมไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องของผิวเท่านั้น ยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หากรับประทานเป็นประจำทุกวัน ของบอกไว้เลยว่า นอกจากจะมีผิวที่สวยใสแล้ว ยังมีหุ่นที่สวยผอมพร้อมอวดอย่างแน่นอน
  • อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่ไม่ค่อยนิยมปลูกในไทยสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าหายากเลยก็ว่าได้ อะโวคาโดเต็มไปด้วยสารอาหารจำพวกวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณให้แลดูมีสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยเรามีหุ่นที่สวยได้อีกด้วย
  • เสาวรส เรียกได้ว่าเป็นผลไม่ที่ใครหลาย ๆ คนชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากมีรสชาติที่ค่อนข้างเปรี้ยว ทำให้ชื่นใจ จึงทำให้หลายคนติดใจ หัวใจหลักของเสาวรสคือ ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว และปกป้องร่างกายจากสารพิษต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี  การรับประทาเสาวรสเป็นประจำจะช่วยให้ ผิวของเรานั้นดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ผิวดูเปล่งปลั่ง  ดูมีสุขภาพมากขึ้น และที่สำคัญ การรับประทานเสาวรสเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องผิวเท่านั้น ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ยิ่งถ้าใครอยู่ในช่วงลดน้ำหนักแนะนำเลยค่ะ

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000