เชื่อไหมว่ากินกาแฟตอน 11:00 น. จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด 

เชื่อไหมว่ากินกาแฟตอน 11:00 น. จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด 

 กาแฟคือเครื่องดื่มที่ใครหลายๆคนโปรดปรานไม่ว่าจะดื่มยามเช้ายามสายหรือยามบ่ายคุณเคยคิดไหมว่าการดื่มกาแฟแต่ละช่วงเวลานั้นรสชาติของกาแฟจะแตกต่างกันออกไปแล้วคุณรู้ไหมว่าการดื่มกาแฟช่วงเวลาไหนเป็นช่วงที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับคอกาแฟอย่างเราแน่นอนเขาว่าตามสถิติที่มีการสำรวจกันมาแล้วนั้นการดื่มกาแฟช่วงที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดคนเราควรจะดื่มกาแฟในช่วงเวลาประมาณ 11:00 นเนื่องจากว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังต้องการ

การตื่นตัวเพื่อที่จะทำงานการที่เราดื่มกาแฟในช่วงเวลาเช้าจนเกินไปนั้นจะทำให้เราอิ่มและมีผลให้เราไม่ทานอาหารเช้าซึ่งจะไม่ดีต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างยิ่งดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงเช้าโดยหันมาทานอาหารเช้าแทนเพราะจะให้พลังงานกับร่างกายในการต่อสู้กับกิจกรรมในแต่ละวันของเราได้ตลอดทั้งวัน

โดยเราหันมาทานกาแฟในช่วงเวลา 11:00 น แผนการกินในช่วงเช้าดีกว่าเพราะช่วงเวลานี้เราจะสามารถรับรู้ถึงรสชาติของกาแฟได้ดีที่สุด เนื่องจากการที่เราดื่มกาแฟช่วง 11:00 นคือการที่เราดื่มกาแฟนอกบ้านดังนั้นสถานที่ที่เราเลือกไปนั่งในการดื่มกาแฟจะมีผลต่อความรู้สึกของเราทำให้เราได้รับความรู้สึกดื่มด่ำกับบรรยากาศและทำให้รสชาติของกาแฟของเราดีขึ้นในขณะเดียวกันหากเราดื่มกาแฟในช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราเร่งรีบเราจะไม่มีเวลาในการที่จะมาดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟหรือมารับรู้ความรู้สึกว่ากาแฟของเรานั้นหอมหวานมากมายแค่ไหน

เพราะเราต้องรีบเร่งในการดื่มและรีบออกจากบ้านไปทำงานส่วนการทานกาแฟในช่วงเย็นนั้นจะมีผลทำให้ร่างกายของเราตื่นตัวและไม่นอนหลับในช่วงเวลากลางคืนซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเราเช่นเดียวกันดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงมักจะไม่ทานกาแฟในช่วงกลางคืนกันเพราะจะทำให้นอนไม่หลับและตื่นเช้ามาจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ซึ่งจะเห็นได้ว่าตามข้อมูลที่กล่าวมาแล้วนั้นการทานกาแฟในช่วงเวลากลางวันหรือประมาณ 11:00 น.

นั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายของคนเราที่จะสามารถรับรสกาแฟได้และได้รับประโยชน์จากการทานกาแฟสูงสุดเนื่องจากในช่วงเวลากลางวันเราอาจจะเริ่มง่วงหรือเริ่มเพลีย เมื่อทานกาแฟเข้าไปก็จะไปกระตุ้นทำให้สมองของเราตื่นตัวและสามารถทำงานได้และฤทธิ์ของ กาแฟก็จะจบลงในช่วงเวลาเย็นซึ่งเมื่อกลับถึงบ้านเราก็สามารถนอนหลับพักผ่อนได้โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลใจว่าในช่วงเวลากลางคืนเราจะนอนไม่หลับซึ่งจะทำให้เราไม่เกิดความเพลียในเช้าของวันต่อมา

อยากมีสุขภาพจิตที่ดีสามารถทำได้ดังต่อไปนี้

บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าสุขภาพจิตนั้นมีความสำคัญพอๆกับสุขภาพของร่างกายสำหรับสุขภาพจิตนี้จะเป็นการส่งผลที่เกี่ยวข้องกับความคิดโดยตรงนั้นแล้วก็ยังมีความรู้สึกซึ่งนั่นก็รวมไปถึงเกี่ยวกับความเครียดและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน

ดังนั้นการที่เราจะทำให้ตัวเองมีสุขภาพจิตที่ดีได้เราควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในการใช้ชีวิตของเราแต่ละวันเพื่อเป็นการปรับมุมมองให้ไปในทางที่ดีขึ้นซึ่งสาเหตุเหล่านี้มันจะส่งผลให้คุณนั้นมีความสุขมากยิ่งขึ้น

นิยามของสุขภาพจิตที่ดีเป็นอย่างไร

จะเห็นได้ว่าสุขภาพจิตที่ดีก็คือสภาวะจิตใจของเรานั้นที่มันส่งผลมีความสุขและมีความรู้สึกดีไปยังผู้อื่นแม้แต่ว่าทางอารมณ์ของเราก็สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเป็นการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นในด้านสังคมหรือสุขภาพของตัวเราเองด้วยเช่นกันสำหรับสุขภาพจิตนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใดก็ตามเราจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความสุขยิ่งขึ้นเพราะมีการกล่าวจากผู้เชียวชาญด้านจิตวิทยาโดยเขาพูดไว้ว่า

-ไม่ค่อยรู้สึกสิ้นหวัง

-เป็นคนที่เข้าสู่โหมดระดับอารมณ์แง่ลบจะยากและเป็นการปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาอยู่แบบปกติได้อย่างรวดเร็ว

-จะเป็นคนที่มีความคิดและนึกถึงในช่วงเวลาที่ตัวเองมีความสุขมากกว่าเวลาที่ตัวเองมีความทุกข์ใจ

-เข้าใจถึงการใช้ชีวิตของทุกคนและความหมายของชีวิตนั่นเองแถมยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายที่เป็นของตัวเองโดยมีการระบุไว้อย่างชัดเจน

-เขาจะให้ความสนใจกับสิ่งที่เขามองว่ามันเป็นความสำคัญแบบจริงจังและยังมีการหักห้ามใจและอารมณ์ของตัวเองซึ่งเป็นผลให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด

-มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่นค่อนข้างมากกว่าสำหรับพวกที่มีสุขภาพจิตไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ

เคล็ดลับในการมีสุขภาพจิตที่ดีมีดังนี้

สำหรับการมีสุขภาพจิตที่ดีจะเป็นการช่วยในการส่งเสริมทางด้านสุขภาพที่ดีของคุณโดยรวมแล้วนั้นแต่ทว่าสำหรับคำนิยามเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่ดีนะไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยมีความคิดหรืออาจจะรู้สึกในแง่ลบเลยเนื่องจากว่าอารมณ์เศร้าหงุดหงิดหรือโกรธหรืออาจจะเสียใจก็ตามอาการเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นได้ถือว่าเป็นเรื่องปกติซึ่งจะเห็นได้ว่าความคิดในแง่ลบนั้นมันไม่ใช่มีแค่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวเพราะสิ่งสำคัญแล้วมันเป็นการช่วยเตือนเอาได้อีกอย่างหนึ่งว่าปัญหาต่างๆที่เข้ามานั้นเราควรจะจัดการกับมันอย่างไรเพื่อให้เราผ่านปัญหาเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีแต่เราก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนให้มันสมดุลระหว่างแม่บวกกับแม่ลบอีกด้วยนั่นก็คือเราไม่ควรจมอยู่กับอดีตไม่ควรนำอดีตมาทำร้ายในปัจจุบันเพราะมันจะเกิดสิ่งวิตกกังวลและทำให้คุณไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

สำหรับสุขภาพจิตแล้วบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่นิสัยหรือเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดแต่นั่นมันคือสิ่งที่ทุกคนสร้างขึ้นโดยการกระทำของตัวท่านเองดังนั้นการปรับเปลี่ยนมุมมองหรือความคิดต่างๆหรือแม้แต่การเติมพลังบวกให้แก่ตัวเองก็ถือได้ว่าทำให้ตัวเองมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้

 

สนับสนุนเรื่องราวต่างๆโดย  nowbet

 

ความรู้ด้านสุขภาพโรคไขมันพองตับ

วันนี้เราจะมาพูดถึงกินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจากไขมันพอกตับ เราคิดว่าเรื่องนี้จะเป็ฯเรื่องที่น่าสนใจของใครหลายๆท่านแต่อย่างจะเริ่มต้นอย่างแรกเลยก็คือคุณนั้นรู้จัดกับไขมันพองตับหรือยังว่ามันคืออะไร

ไขมันพองตับนั้นเป็นโรคที่เรียกว่าเพราะพิษในปัจจุบันเจอเยอะมากหลายๆครั้งไม่จำเป็นจะต้องมีอาการ ไขมันพองตับถ้าจะพูดโดยทั่วๆไปก็จะแบ่งคาวๆเป็นอย่างแรกเลยก็คือ ไขมันพองตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือจากการดื่มสุรา อย่างที่2 ก็อาจจะเกิดจากการที่กินอยู่ที่ปริมาณที่เยอะจนเกินไปหรือไม่เหมาะสมหรือสัดส่วนไม่เหมาะสมในความสำคัญของโรคนี้เราคงจะต้องรู้ก่อนว่าโรคเหล่านี้เป็นโรคภายมืดที่มันค่อยๆเข้ามาทำร้ายตับของเราทีละน้อยๆที่นี่เราก็อยากจะให้ดูว่าไขมันพองตับนั้นมันจะเป็นอย่างไร

ซึ่งตับของมนุษย์นั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนทางด้านขวานั้นจะใหญ่กว่าและส่วนด้านซ้ายนั้นจะเล็กกว่า ซึ่งตับโดยปกติของเราแล้วนั้นจะมีลักษณะค่อนข้างเรียบๆจะมีลักษณะสีน้ำตาลอ่อนๆมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากจะอยู่ทางด้านทางช่องท้องทางด้านขวาและหนึ่งในหน้าที่ของตับเลยก็คือเรื่องของการเป็นโรคโกดังการที่มีโกดังเก็บเพื่อที่เรานั้นจะต้องการใช้พลังงานฉุกเฉินตับจะได้ดึงเอาพลังงานออกมาใช้ได้อย่างเพียงพอให้ได้ทันที

เพราะฉะนั้นมันก็จะเก็บเอาอาหารเอาไว้ที่นี้ในการเก็บนั้นทำไมจะต้องเก็บไว้เป็นไขมัน ก่อนอื่นเลยเราจะต้องเข้าใจก่อนว่าอันนี้มันเป็นกระบวนการวิวัฒนาการของร่างกายมนุษย์ถ้าเราเก็บเป็นโปรตีนหรือเราจะเก็บเป็นแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตซึ่งมันเก็บได้มั้ยมันสามารถเก็บได้แต่ถ้าเก็บเป็นไขมันมันคุ้มค่า เพราะใน1กรัมของไขมันนั้นมันให้พลังงาน9แคลอรี่ในขณะที่ร่างกายเราเก็บเป็นโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรตก็จะให้แค่เพียง4แคลอรี่ฉะนั้นมันไม่คุ้นเราจึงต้องเก็บเป็นไขมันดีกว่าแต่ในการเก็บนั้นถ้าเก็บมากไปก็จะเกิดปัญหา ตับเองก็จะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองในเวลาเก็บมันก็จะเก็บเข้าไปเรื่อยๆ

เผื่อว่าวันไหนที่จะต้องใช้พลังงานเร็วหรือฉุกเฉินตับก็จะนำเอาตรงที่นั้นเอาออกมาใช้แต่ในการเก็บโดยที่ไม่ได้นำเอาออกมาใช้เยอะเกินไปนี่ก็คือเชื้อโรคตับนั้นก็จะพยายามปรับตัวเลย 1ตับนั้นจะขยายขนาดขึ้นฉะนั้นในไขมันพองตับก็จะมาพร้อมกับตับที่ใหญ่ขึ้นพอเก็บเยอะเข้าๆซึ่งมันได้เกินกว่าความสามารถของตับที่จะเก็บเอาไว้ได้แล้วตรงนี้แล้วนั้นร่างกายเราเองจะเป็นตัวบอกว่าไม่ดีแล้ว

 

สนับสนุนโดย  rb88

ข้อควรรู้หากจะกินยาเลื่อนประจำเดือน

               สำหรับผู้หญิงทุกคนนั้น เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ก็จะเริ่มมีประจำเดือน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 12 ขวบ แต่บางคนหากร่างกายมีการพัฒนาเจริญเติบโตเร็วก็อาจจะมีประจำเดือนได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งบางคนอายุประมาณ 10-11 ขวบก็สามารถมีประจำเดือนได้แล้ว 

    สำหรับสาวสาวแล้วการมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่ทรมานมาก เพราะบางคนมีอาการปวดท้องรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ และบางคนก็มีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ตลอดเวลา จนทำให้มีปัญหากับคนรอบข้างได้บ่อยบ่อยยามเมื่อมีประจำเดือน  ประจำเดือนไม่ได้มีแค่เพียงปัญหาแค่ที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น หลายคนมักจะพบปัญหาว่านัดกับเพื่อนไปเที่ยวทะเล แต่กลับมีประจำเดือนมาช่วงเวลานั้นพอดี ทำให้พลาดการเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนเพื่อนเลย ดังนั้นสาวสาวหลายหลายคนจึงต้องหาตัวช่วยในการแก้ปัญหาเวลาไม่อยากให้ประจำเดือนมาในช่วงที่เราไม่สะดวก  ซึ่งวิธีการนั้นก็ต้องเป็นการพึงยาเลือนประจำเดือนนั่นเอง

     เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักยาเลือนประจำเดือนมาบ้างแล้ว และบางคนอาจจะเคยกินยาชนิดนี้ ยาเลื่อนประจำเดือนเป็นยาที่เอาไว้ให้หญิงสาวที่มีประจำเดือนได้ทานเพื่อเลื่อนวันการมีประจำเดือนออกไป  สำหรับการกินยาเลื่อนประจำเดือนนั้นเป็นวิธีการที่ใครใครก็ทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะหลายครั้งประจำเดือนมักจะมาในช่วงที่เราไม่สะดวกดังนั้นทางเลือกที่จะตัดปัญหาประจำเดือนมากวนใจก็คือการกินยา ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าวิธีนี้เป็นวิธีการที่ฝืนธรรมชาติดของการมีประจำเดือนก็ตาม แต่อะไรทีไม่ใช่ธรรมชาติย่อมมีผลเสียตามมาเสมอกันกินยาเลื่อนประจำเดือนก็เช่นเดียวกัน เรามาดูกันว่ายาเลื่อนประจำเดือนมีผลเสียต่อตัวเอาอย่างไร

  • สำหรับหญิงที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรกินยาเลื่อนประจำเดือน เพราะเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อแม่กินอะไรเข้าไปลูกจะได้รับสารอาหารตามที่แม่กินผ่านน้ำนมของแม่ ดังนั้น หากคุณแม่ที่ยังต้องให้นมบุตรมากินยาเลื่อนประจำเดือนจะมีผลให้ยาผสมไปกับนมและลูกจะได้รับยาเลื่อนประจำเดือนเข้าไปในร่างกายได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายของเด็กทำงานผิดปกติได้เช่นกัน
  • สำหรับใครก็ตามที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกินยาเลือนประจำเดือนเพราะมีความเสี่ยงที่สูงมากที่ยาจะไปทำปฎิกิริยากับหลอดเลือด มีผลทำให้เส้นเลือดอุดตันได้  เช่นเดียวกันยาเลื่อนประจำเดือนจะมีผลกับอวัยวะภายในดังนั้นหากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับก็ไม่ควรทีจะกินยาเลื่อนประจำเดือนนี้เช่นเดียวกัน

และหากใครที่กินยาเลือนประจำเดือนไปแล้ว ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วประจำเดือนก็ยังไม่มา ต้องไปปรึกษาแพทย์ทันที

 

สนับสนุนมาจาก  แทงบอลออนไลน์2020

นอนแบบไหนคือการนอนหลับที่สนิทจริงๆ

ตามปกติแล้วมนุษย์เราทุกคนบางทีอาจจะนอน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และก็ใช้เวลาสำหรับในการ “ฝัน” เฉลี่ยในแต่ละคืนราว 2 ชั่วโมง อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทั้งฝันดีจนไม่ต้องการตื่น ฝันร้ายจนตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกพลั่กไปทั่วร่างกาย หรือฝันที่เนื้อเรื่องมั่วซั่วจนกระทั่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

แต่ว่าที่บางคนรู้สึกว่า คืนไหนที่ไม่ได้ฝันเลย แสดงว่าพวกเราหลับสนิทดีสุดๆที่จริงแล้วเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ?

“ไม่ฝัน” แสดงว่า “นอนหลับสนิท” ?

อันที่จริงแล้วมนุษย์เราฝันขณะกำลังหลับทุกคืน ย้ำว่าทุกคืน เพียงแต่ในหลายๆคืนคุณอาจจะจำไม่ได้ว่าฝัน ฝันไหนที่พวกเราจำได้ เป็นฝันที่พวกเราตื่นในช่วงเวลาที่พวกเรากำลังฝันไปกลางเรื่องบางครั้งอาจจะเป็นช่วงที่เพิ่งจะเข้านอนได้ไม่นาน ช่วงเวลากลางดึก หรือตอนกำลังจะรุ่งเช้า ถ้าหากคืนไหนที่พวกเรามีความคิดว่าพวกเราไม่ได้ฝันเลย อาจเป็นเพราะพวกเรานอนหลับๆตื่นๆไม่ได้นอนหลับยาวๆกระทั่งทำให้เกิดความฝันมากยิ่งกว่า

ทำไมเราถึง “ฝัน” ?

การนอนหลับของมนุษย์มักจะฝันอยู่เป็นประจำ เป็นกระบวนการทางสมองที่ทำงานขณะที่กำลังหลับ ใน 1 คืนพวกเราไม่ได้ฝันเพียงแค่เรื่องเดียว โดยเฉลี่ยสุดแต่ละคืนเราอาจฝันได้มากถึง 4-5 เรื่อง แต่ว่าพวกเราชอบจำความฝันได้ไม่หมดทุกเรื่อง มักจะจำเรื่องสุดท้ายที่ฝันได้เพราะเป็นช่วยใกล้จะตื่นเยอะที่สุด บางบุคคลฝันเป็นภาพสี บางบุคคลอาจฝันเป็นภาพขาวดำ โดยทฤษฎีแล้วไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด

สาเหตุที่พวกเราฝันยังไม่อาจจะเจาะจงได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าความฝันไม่ได้มีขึ้นมาเฉยๆเพราะว่าการที่พวกเราฝันขณะที่กำลังนอนหลับเป็นการช่วยปลอบประโลมจิตใจเช่นเดียวกันกับได้ทำการบำบัดจิตด้วยตัวเองอย่างที่พวกเราไม่ได้นึกฝัน

ข้อดีของความฝัน

นอกจากความฝันตามความศรัทธาทางไสยศาสตร์จะให้คำทำนายต่างๆนานา ได้แล้ว ทางด้านวิทยาศาสตร์เอง ความฝันก็มีสาระต่อพวกเราด้วยเหมือนกัน พวกเราสามารถฝันได้ตั้งแต่เรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของพวกเราตอนนั้นไปจนถึงเรื่องที่พวกเราหวาดกลัว หรือเป็นห่วงในสมัยก่อน รวมถึงความทรงจำอันเลวร้าย เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง แต่ว่าพวกเราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอกับสิ่งพวกนั้น การที่พวกเราฝันถึงสิ่งแย่ๆเหล่านี้เป็นกระบวนการทางสมองที่ต้องการบำบัดจิตใจของพวกเราเองให้คุ้นชิน และก็ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่พวกเราหวาดกลัว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  entaplay

“หน่อไม้” อาหารแสลง หรือเราแค่คิดไปเอง ?

“หน่อไม้” มักอยู่ในรายชื่อของกินที่ผู้ใหญ่มักไม่แนะนำให้บุตรหลานกิน รวมทั้งตนเองด้วย ด้วยความเชื่อว่า หน่อไม้อันตราย เป็นของกินแสลง ส่งผลให้เกิดโรคอันตราย เป็นแผลก็จะยิ่งทำให้แผลแย่ลง โดยยิ่งไปกว่านั้นหลังผ่าตัด รวมทั้งยังเป็นต้นเหตุของโรคอันตรายอย่าง “โรคมะเร็ง” อีกด้วยแต่ว่าที่จริงแล้ว ความเชื่อพวกนี้ เป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ?

>> หน่อไม้เป็นอาหารแสลง แสลงจริงหรือแค่คิดกันไปเอง?

หน่อไม้ เป็นหน่ออ่อนของไผ่ที่แตกจากเหง้าใต้ดินมีลักษณะสีเหลืองอ่อน รสสัมผัสกรุบกรอบ ราคาประหยัด สามารถเอามาทำกับข้าวได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งต้ม ผัด แกง ทอด รวมทั้งยังได้รับความนิยมกันอย่างมากมาย ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศไทยเพียงแค่นั้น

หน่อไม้ อันตรายจริงหรือ ?

หน่อไม้ มีอีกทั้งประโยชน์ แล้วก็โทษ ถ้าหากเลือกรับประทานอย่างเหมาะควร ก็สามารถให้ผลดีต่อสภาพร่างกายได้ แต่ว่าหากกินหน่อไม้ไม่ถูกวิธี ปราศจากความรอบคอบสำหรับในการรับประทาน ก็บางทีอาจเป็นอันตรายต่อสถาพทางร่างกายได้จริงๆหน่อไม้ที่พวกเราบริโภคกัน มีอยู่หลากหลายชนิดได้แก่

หน่อไม้ดิบ

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า หน่อไม้ดิบหรือหน่อไม้ที่ยังปรุงไม่สุก บางทีอาจได้รับพิษจากสารไซยาไนด์ ซึ่งมีอยู่ในหน่อไม้ตามธรรมชาติ แล้วก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพถ้าเกิดไปสู่ร่างกายในจำนวนน้อย สามารถขับออกทางฉี่ได้ แต่ถ้าหากได้รับในจำนวนมาก สารไซยาไนด์จะจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดง (hemoglobin) แทนที่ออกซิเจนก่อให้เกิดอาการขาดออกซิเจน หมดสติและก็อาจจะส่งผลให้เสียชีวิตได้

ด้วยเหตุดังกล่าว ควรต้องหลบหลีกการบริโภคหน่อไม้ดิบ นายมงคล เจนจิตติกุล ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและก็ความปลอดภัยอาหาร บอกว่า การบริโภคหน่อไม้ที่ต้มสุกจะมีผลให้ผู้ซื้อไม่เป็นอันตรายและก็ปลอดภัยจากการได้รับสารไซยาไนด์ แต่ว่าถ้าหากอุณหภูมิและก็ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการต้มไม่เหมาะสมก็ไม่อาจจะลดจำนวนสารประเภทนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีความปลอดภัยของผู้ใช้ก่อนที่จะนำหน่อไม้ไปบริโภคควรจะปรุงให้สุก ด้วยการต้มหน่อไม้ในน้ำเดือดนานอย่างน้อย 10 นาที ซึ่งสามารถลดปริมาณสารไซยาไนด์ลงได้ถึงปริมาณร้อยละ 90.5

หน่อไม้ดอง

หน่อไม้เป็นของกินอีกหนึ่งจำพวกที่นิยมเอามาดองเพื่อการรักษาของกินเอาไว้ให้ได้นานยิ่งขึ้น โดยมักกระทำการดองเอาไว้ภายในปิ๊บเป็นเวลายาวนานหลายเดือน ถ้าหากกระบวนการดองไม่สะอาดเพียงพอ จะเกิดเป็นเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum เจริญเติบโตอยู่ในหน่อไม้ที่อยู่ในปี๊บ

ถ้าหากนำมาทำกับข้าวด้วยความร้อนที่ไม่พอ บางทีอาจได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดอาการอาเจียน ท้องร่วง คลื่นไส้ ท้องเสีย ถ้าหากสารพิษโบทูลินเริ่มซึมจากระบบทางเดินอาหาร ไปสู่กระแสโลหิตแล้วก็ระบบประสาท บางทีอาจมีผลเสียต่อรูปแบบการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย ดังเช่นว่า กล้ามเนื้อหนังตา ดวงตา บริเวณใบหน้า การพูดการกลืนเปลี่ยนไปจากปกติ กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนกำลัง หายใจไม่ออก รวมทั้งบางทีอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  dewabet

ข้อดีของการออกกำลังกาย

ปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าวัยรุ่นนั้นมีชีวิตที่ใช้ค่อนข้างแตกต่างกันและไม่ค่อยใส่ใจในการออกกำลังกายเท่าที่ควรโดยสุขภาพที่ดีส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายและภูมิคุ้มกันโรคทำงานได้อย่างปกติ

ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะใช้ในเรื่องของเวลาโดยใช้ชีวิตแระจำวันมาเป็นข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควรถึงแม้จะรู้ว่าสุขภาพนั้นสำคัญต่อร่างกายมากแค่ไหน

เรามาดูข้อดีในการออกกำลังกายกันดีกว่า

1.ทำให้ก้ามเนื้อแข็งแรง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ก้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรง

2.ทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น การออกกำลังกายในช่วงเย็นจะช่วยให้การนอนหลับได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีผลโดยตรงของระบบประสาท

3.ทำให้ผิวสดใส การออกกำลังกายช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆของร่างกายได้มากขึ้น หากได้รับออกซิเจนมากเพียงใดก็จะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น

4.ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆที่มีการเสื่อมลงตามวัย แต่ในการออกกำลังกายจะช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้

5.เพื่อป้องกันโรค การแกกำลังกายสามารถป้องกันโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการเสื่อมภาพของอวัยวะโดยเฉพาะเนื่องจากการมีอายุที่มากขึ้น

6.เพื่อการเจริญเติบโต การออกกำลังกายจัดว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีผลกระทบจากการเจริญเติบโต เด็กที่ไม่ค่อยออกกำลังกายแต่มีการกินอาหารมากอาจจะมีส่วนสูงและน้ำหนักมากกว่าในวัยเดียวกันและทำให้มีไขมันมากเกินไป

7.เพื่อรูปร่างและทรวดทรง การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังทำให้มีรูปร่างสัดส่วนที่ดีทำให้มีความมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น

8.ลดความอยากอาหาร การออกกำลังกายจะมีส่วนช่วยในการควบคุมความรู้สึกช่วยลดในความอยากอาหารในมื้อเย็นได้ดียิ่งขึ้น

9.เพื่อสุขภาพ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพทำให้ร่างกายแข็งแรง

10.ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น การออกกำลังกายจะช่วยให้ดีต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงของเรา

เมื่อรู้ถึงข้อดีของการออกกำลังกายกันแล้วเรามาดูถึงข้อเสียกันบ้างดีกว่า

เวลาของคุณอาจจะถูกรบกวนเมื่อคุณออกกำลังกายควรจะพัก 1-2 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้านอนและที่กล่าวมาทั้งหมดคือข้อดีและข้อเสียในการออกกำลังกาย ดังนั้นหากรู้อย่างนี้แล้วเราควรเลือกที่จะออกกำลังกายอยู่ไหม เพื่อเป็นประโยชน์ของตัวคุณเองล้วนๆเลยนะเนี่ย

ทำอย่างไรให้หายไอเร็วที่สุด

การไอเป็นอาการที่สร้างความรำคาญให้กับตัวผู้เป็นเองและคนรอบข้าง สาเหตุที่ทำให้เรามีอาการไอเกิดได้จากการเป็นหวัด  ภูมิแพ้ หอบหืด หรือคอแห้ง โดยที่การไอนั้นมีทั้งแบบไอแห้ง ไอมีเสมหะ และไอเรื้อรัง

ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีง่ายๆที่ช่วยให้อาการไอของคุณบรรเทาและหายขาดกันไปเลย

  1. ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น    ในแต่ละวันควรดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น สำหรับผู้ที่มีเสมหะในคอ น้ำจะช่วยละลายเสมหะที่มีอยู่ในลำคอให้น้อยลง  ส่วนคนที่มีอาการไอแห้ง น้ำก็จะช่วยให้คอมีความชุ่มชื้น ทำให้อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นในคอลดลง
  2. ดื่มน้ำอุ่น   ให้ดื่มน้ำอุ่นแทนการดื่มน้ำเย็น ยิ่งเป็นน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวด้วยแล้ว ดื่มเข้าไปช่วยละลายเสมหะและให้ความชุ่มชื้นในลำคอได้ดีขึ้น
  3. อมยาอมแก้ไอ   ในยาอมแก้ไอมีส่วนประกอบที่ช่วยลดการระคายเคืองภายในลำคอ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อทั่วๆไป
  4. อาบน้ำอุ่น   การอาบน้ำอุ่นสามารถช่วยให้ไข้และน้ำมูกลดลง การอาบน้ำอุ่นยังมีผลดีต่อร่างกายคนที่เป็นหวัดและภูมิแพ้อีกด้วย
  5. งดการสูบบุหรี่  การสูบบุหรี่จะทำให้เกิดความระคายเคืองคอ และมีเสมหะก่อตัวมากขึ้น แต่ทางที่ดีเพื่อสุขภาพคุณควรเลิกสูบบุหรี่ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง และโรคร้ายอื่นๆที่ตามมาอีกด้วย
  6. หลีกเลี่ยงฝุ่นและควันต่างๆ ฝุ่นและควันเป็นมลพิษทางอากาศอาจทำให้เราเกิดการระคายเคืองในโพรงจมูกและคอได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีอาการไอให้เราใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง และไม่เป็นการแพร่เชื้อโรคต่อผู้อื่นอีกด้วย 
  7. นอนพักผ่อนให้มากๆ ไม่ว่าจะป่วยเป็นอะไรร่างกายก็ต้องมีเวลาซ่อมแซมตัวเอง อาการไอก็เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าเราป่วยไม่สบายมีอาการไอร่วมด้วย ควรรีบอาบน้ำกินยานอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนให้เพียงพอ 
  8. งดการใช้น้ำหอม  เนื่องจากมีส่วนประกอบบางอย่างของน้ำหอมและสเปย์ ทำให้โพรงจมูกเกิดอาการระคายเคืองซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีเสมหะเพิ่มมากขึ้น
  9. งดการกินของทอดของมัน  ไม่ควรกินของทอดเช่นกล้วยทอด ไก่ทอด แคบหมู ของที่ต้องใช้น้ำมันเยอะๆ  ตอนกลืนเข้าไปอาจทำให้ละคายคอ จนเกิดอาการไอได้
  10. ไปพบแพทย์  สุดท้ายถ้าเรามีอาการไอมาเป็นเวลานาน 1-2 สัปดาห์  และทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นหมดแล้วก็ยังไม่หายให้เราตัดสินใจไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุว่าเราแอบเป็นโรคร้ายแรงอย่างอื่นด้วยหรือไหม เพราะอาการไออาจเป็นแค่อาการเบื้องต้นของโรคนั้นๆก็เป็นได้

ประโยชน์ของน้ำดื่มที่เมื่อคุณรู้แล้วต้องรีบหามาดื่มทันที

ร่างกายของคนเราจะประกอบด้วยน้ำประมาณ 55% มนุษย์เราต้องการน้ำเข้าไปช่วยหล่อเลี้ยงภายในร่างกายเป็นจำนวนมากการดื่มน้ำควรดื่มให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการเพื่อที่ร่างกายจะได้ใช้ประโยชน์จากน้ำที่เราดื่มเข้าไปหากเมื่อใดก็ตามที่เรากินน้ำน้อยอาจจะทำให้ร่างกายของเราขาดน้ำซึ่งจะมีผลทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ปริมาณน้ำที่ร่างกายของเราต้องการในแต่ละวันนั้นตามข้อมูลแล้วควรจะดื่มวันละประมาณแปดถึง 10 แก้ว

คุณอยากรู้มั้ยว่าน้ำที่เราดื่มเข้าไปในปริมาณมากขนาดนี้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรได้บ้าง

  1. อย่างแรกเลยการดื่มน้ำจะช่วยขจัดกลิ่นปาก การที่เราดื่มน้ำเข้าไปมากๆจะช่วยให้ไปล้างเศษอาหารที่ตกค้างรวมถึงแบคทีเรียที่อยู่ตามซอกฟันซอกปากให้มีการเจือจางลงทำให้แบคทีเรียที่มาสร้างความเหม็นของปากเราเจอจางลงกินเหม็นรถน้อยลงซึ่งจะหากเรากินน้ำน้อยก็จะทำให้เรามีกินปากได้
  2. ช่วยในเรื่องของลดอาการเมื่อยล้าของร่างกายเพราะมีผลวิจัยออกมาแล้วว่าหากร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้รู้สึกอ่อนล้าไม่มีแรงโดยถ้าหากร่างกายเรามีปริมาณน้ำไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการจะทำให้หัวใจของเราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะไปปั๊มออกซิเจนในเลือดให้ไปทำงานตามอวัยวะต่างๆของร่างกายแต่ถ้าหากเรากินน้ำได้เพียงพอร่างกายเราก็จะไม่รู้สึกอ่อนล้าหัวใจของเราก็จะไม่ต้องทำงานหนักซึ่งจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น
  3. การกินน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนั้นจะช่วยให้สุขภาพผิวของเราดีมีความชุ่มชื้นไม่เหี่ยวและไม่แก่ง่าย
  4. ช่วยลดปัญหาอาการเมาค้างหาใครที่กินแอลกอฮอล์เข้าไปการกินน้ำจะช่วยเข้าไปขับปัสสาวะและแอลกอฮอล์ที่มีการสะสมข้างอยู่ในร่างกายให้ออกมาจากร่างกายและทำให้เราไม่เมาค้างซึ่งหากต้องการแก้ปัญหาการเมาค้างควรจะดื่มน้ำเข้าไปประมาณ 16 -20 ออนซ์ก่อนที่เราจะนอนหลับจะช่วยให้ตื่นเช้าขึ้นมาเราจะหมดปัญหาอาการเมาค้างไปเลย
  5. หากเราขาดน้ำจะทำให้อารมณ์ของเราหงุดหงิดได้ง่ายอาจจะเพราะหากขาดน้ำลำคอจะรู้สึกแห้งปากริมฝีปากจะแห้งจึงทำให้เรามักหงุดหงิดง่ายการดื่มน้ำเข้าไปจะช่วยในเรื่องของการปรับอารมณ์ของเราได้ซึ่งหากเราไม่แน่ใจว่าเราอยู่ในช่วงของการขาดน้ำหรือไม่เราสามารถตรวจสอบจากสีของปัสสาวะของเราได้หากสีของปัสสาวะมีสีเข้มแสดงว่าร่างกายของเรากำลังขาดน้ำอยู่ให้รีบเติมน้ำเข้าไปโดยด่วน

4ผลไม้ที่ดี ที่จะช่วยดีท็อกซ์

4 ผลไม้ที่ดี ที่จะช่วยดีท็อกซ์ เอาสารพิษในร่างกายออก 

       ปัจจุบันที่สภาพอากาศมีแต่ฝุ่นควัน ทั้งจากละอองฝุ่นที่มาจากการก่อสร้างและจากการเผาป่าและเผาขยะรวมถึงยังมีควันจากท่อไอเสียรถยนต์แทบยังมีควันบุหรี่ที่เราอาจจะรับเข้าสู่ร่างกายโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ทำให้ภายในร่างกายของเราเต็มได้ด้วยสารพิษ ถึงแม้จะไม่ได้แสดงผลอันตรายออกมาทันทีแต่การที่มีสารพิษเหล่านี้อยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมากเกินไปก็อาจจะทำให้สุขภาพร่างกายของเราทรุดโทรมและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างต่างได้

ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี เราควรนำสารพิษที่มีอยู่ในร่างกายของเราออกบ้าง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำผลไม้ที่กินแล้ว อร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกายแถมยังช่วยดีท็อกซ์เอาสารพิษออกมาจากร่างกายของเราได้อีกด้วย มีผลไม้อะไรบ้างมาดูกันค่ะ

  • บลูเบอร์รี่  เป็นผลไม้ที่ค่อนข้างมีราคาสูง แต่ความสามารถในการดูป้องกันสารพิษและช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยแบบชาติก็มีมากเช่นกัน โดยบลูเบอร์รี่นั้นจะมีสารที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษผ่านไปยังบริเวณสมองได้ และยังมีคุณสมบัติเป็นยาแก้ปวดได้ดีอีกด้วย และที่สำคัญในบลูเบอร์รี่จะมีสารต้านเชื้อแบคทีเรีย ตรงบริเวณทางเดินของท่อปัสสาวะ นับได้ว่าบลูเบอร์รี่มีประโยชน์ที่หลากหลายที่ควรค่าแก่การหาซื้อมากินเป็นอย่างมาก
  • ส้ม หรือผลไม้ที่อยู่ในตระกูลส้ม  เป็นผลไม้ที่ช่วยในเรื่องของการดีท็อกซ์ได้ดีมากทั้งที่ตับและที่ลำไส้ โดยในผลไม้ตระกูลส้มนี้จะมีเส้นใยสูง ซึ่งเส้นใยที่ว่าเราเรียกว่าเพคติน ซึ่งจะมีคุณสมบัติคอยดักจับคอเลสเตอรอล โลหะหนัก และยังคอยทำความสะอาดเลือดในร่างกาย เห็นไหมคะว่าประโยชน์มีหลากหลายมากแค่ไหน รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมซื้อหาส้มมากินกันนะคะ เพราะหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพง
  • แอปเปิล   เป็นอีกผลไม้ที่มีเส้นใยเพคตินสูง ซึ่งเราได้บอกไปแล้วว่าเส้นใยชนิดนี้จะคอยดักจับโลหะหนักและคอเลสเตอรอลไม่ให้เข้าสู่ร่างกายและยังสามารถดีท็อกซ์ สารพิษเหล่านี้ออกมาทางลำไส้ได้อีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรกินแอปเปิลเป็นประจำ ซึ่งหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และทางที่ดีควรหาซื้อแอปเปิลที่ปลูกแบบออแกนิก เพื่อที่จะได้มั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษจากยาฆ่าแมลงด้วย
  • อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่คนนิยมกินเพื่อลดน้ำหนัก แต่อันที่จริงแล้วความสามารถและคุณสมบัติของอะโวคาโดมีเยอะกว่าที่คิด เพราะนอกจากให้พลังสูงและคอเลสเตอรอลน้อยแล้ว ยังช่วยเรื่องการดีท็อกซ์สารพิษในตับและป้องกันไม่ให้สารพิษเข้าไปทำลายหลอดเลือดแดงได้อีกด้วย