ข้อควรรู้หากจะกินยาเลื่อนประจำเดือน

ข้อควรรู้หากจะกินยาเลื่อนประจำเดือน

               สำหรับผู้หญิงทุกคนนั้น เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ก็จะเริ่มมีประจำเดือน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 12 ขวบ แต่บางคนหากร่างกายมีการพัฒนาเจริญเติบโตเร็วก็อาจจะมีประจำเดือนได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งบางคนอายุประมาณ 10-11 ขวบก็สามารถมีประจำเดือนได้แล้ว 

    สำหรับสาวสาวแล้วการมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่ทรมานมาก เพราะบางคนมีอาการปวดท้องรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ และบางคนก็มีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ตลอดเวลา จนทำให้มีปัญหากับคนรอบข้างได้บ่อยบ่อยยามเมื่อมีประจำเดือน  ประจำเดือนไม่ได้มีแค่เพียงปัญหาแค่ที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น หลายคนมักจะพบปัญหาว่านัดกับเพื่อนไปเที่ยวทะเล แต่กลับมีประจำเดือนมาช่วงเวลานั้นพอดี ทำให้พลาดการเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนเพื่อนเลย ดังนั้นสาวสาวหลายหลายคนจึงต้องหาตัวช่วยในการแก้ปัญหาเวลาไม่อยากให้ประจำเดือนมาในช่วงที่เราไม่สะดวก  ซึ่งวิธีการนั้นก็ต้องเป็นการพึงยาเลือนประจำเดือนนั่นเอง

     เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักยาเลือนประจำเดือนมาบ้างแล้ว และบางคนอาจจะเคยกินยาชนิดนี้ ยาเลื่อนประจำเดือนเป็นยาที่เอาไว้ให้หญิงสาวที่มีประจำเดือนได้ทานเพื่อเลื่อนวันการมีประจำเดือนออกไป  สำหรับการกินยาเลื่อนประจำเดือนนั้นเป็นวิธีการที่ใครใครก็ทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะหลายครั้งประจำเดือนมักจะมาในช่วงที่เราไม่สะดวกดังนั้นทางเลือกที่จะตัดปัญหาประจำเดือนมากวนใจก็คือการกินยา ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าวิธีนี้เป็นวิธีการที่ฝืนธรรมชาติดของการมีประจำเดือนก็ตาม แต่อะไรทีไม่ใช่ธรรมชาติย่อมมีผลเสียตามมาเสมอกันกินยาเลื่อนประจำเดือนก็เช่นเดียวกัน เรามาดูกันว่ายาเลื่อนประจำเดือนมีผลเสียต่อตัวเอาอย่างไร

  • สำหรับหญิงที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรกินยาเลื่อนประจำเดือน เพราะเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อแม่กินอะไรเข้าไปลูกจะได้รับสารอาหารตามที่แม่กินผ่านน้ำนมของแม่ ดังนั้น หากคุณแม่ที่ยังต้องให้นมบุตรมากินยาเลื่อนประจำเดือนจะมีผลให้ยาผสมไปกับนมและลูกจะได้รับยาเลื่อนประจำเดือนเข้าไปในร่างกายได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายของเด็กทำงานผิดปกติได้เช่นกัน
  • สำหรับใครก็ตามที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกินยาเลือนประจำเดือนเพราะมีความเสี่ยงที่สูงมากที่ยาจะไปทำปฎิกิริยากับหลอดเลือด มีผลทำให้เส้นเลือดอุดตันได้  เช่นเดียวกันยาเลื่อนประจำเดือนจะมีผลกับอวัยวะภายในดังนั้นหากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับก็ไม่ควรทีจะกินยาเลื่อนประจำเดือนนี้เช่นเดียวกัน

และหากใครที่กินยาเลือนประจำเดือนไปแล้ว ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วประจำเดือนก็ยังไม่มา ต้องไปปรึกษาแพทย์ทันที

 

สนับสนุนมาจาก  แทงบอลออนไลน์2020