การเขียนเพื่อบำบัดจิตใจ

การเขียนเพื่อบำบัดจิตใจ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการเขียนหนังสือหรือบทความนั้น เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในเรื่องของการบำบัดจิตใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาจิตแพทย์ ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายๆคนนั้น ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อโควิด19 นั้น ทำให้การที่จะไปหาเพื่อรักษาอาการไข้ หรือแม้แต่อาการทางจิตใจ

ก็ยังเสี่ยงพอสมควร ซึ่งในเรื่องของความเครียดนั้น หากเป็นอาการขั้นรุนแรง คงต้องปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งหน้าที่ของจิตแพทย์นั้น เวลาที่คนไข้สักคนหนึ่งมาพบ สิ่งที่ต้องทำคือไม่ใช่แค่การให้ยาคลายเครียดเท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องหาสาเหตุที่มาที่ไปของความเครียดของคนไข้ ซึ่งต้องทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลว่าคนที่จะรับฟังนั้น

จะตัดสินว่าตัวเค้าเองนั้นผิดหรือถูก หรือมองว่าเค้าเป็นคนดีหรือคนร้าย และสามารถที่จะเปิดใจเล่าเรื่องหรือพูดถึงความรู้สึก และความคิดที่ต้องการได้ สุดท้ายก็จะรู้ว่าความต้องการหรือความเครียดที่แท้จริงนั้นคืออะไร แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน การไปพบจิตแพทย์อาจะไม่ใช่เรื่องง่าย ตามที่ตอนนี้ยังมีโรคแพร่ระบาดอยู่ ในด้านจิตวิทยายังมีวิธีการเขียนเพื่อบำบัดจิตอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการบำบัดได้ด้วยตัวเอง โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

การเขียนบำบัด นั้นจะต้องมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และมีการระบายอัดอั้นความในใจ และเรียนรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต่างกับการเขียนแบบทั่วไป ที่เป็นแค่การเขียนแบบบันทึกความทรงจำหรือจินตนาการเท่านั้น  และการเขียนแบบทั่วไป คือการบรรยายที่เหตุการณ์ แต่การเขียนบำบัดนั้น  จะเขียนถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

และมีผลต่อความรู้สึกและด้านความคิด ซึ่งการเขียนแบบทั่วไปจะไม่ต้องการผลลัพธ์ แต่การเขียนเพื่อบำบัดในลักษณะนี้นั้น  เราต้องการที่จะได้ผลลัพธ์และเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และเรียนรู้เพื่อนำไปใช้กับชีวิตในอนาคต ส่วนวิธีการที่จะเริ่มต้นเขียนบำบัดนั้น ควรจะต้องมีความตั้งใจอย่างจริงจัง เพราะการเขียนไม่ใช่ว่าจะเขียนกันได้ง่ายๆ

และมีการเตรียมตัว โดยพร้อมที่จะเปิดใจให้กว้างให้กับตัวเอง ควรเลือกที่เขียนที่สงบและปลอดภัย ไม่มีสิ่งรบกวนจากภายนอก และเป็นเวลาที่เราใช้เวลาอยู่กับตัวเองได้อย่างเต็มที และจะต้องเตรียมใจ

เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าเราไม่เตรียมใจที่จะเปิดใจ มันจะทำให้การเขียนครั้งนี้เป็นแค่การเขียนแบบทั่วๆไป ที่เปรียบเสมือนเป็นการบันทึกประจำวันธรรมดา โดยเราต้องตั้งหลักเกณฑ์ว่าเราเขียนเพื่ออะไร และสะท้อนอะไรกับตัวเรา สำรวจความคิดและความรู้สึก และให้เวลากับจิตใจปล่อยไหลลื่นไปกับปลายปากกาโดยไม่ต้องมีอะไรมาปิดบัง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame สูตร

ความเชื่อผิดสุดๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก

หลายคนๆที่มีความเชื่อแบบผิดเกี่ยวกับลดน้ำหนักมีอะไรบ้าง เพื่อนๆ ควรจะมีความเข้าใจมากขึ้น รับรองการลดน้ำหนักจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป  วันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าเราควรเปลี่ยนความเชื่อเรื่องอะไรกันบ้าง

ลดน้ำหนักต้องอดอาหาร เป็นความเชื่อที่ผิด

หากเพื่อนๆต้องการลดน้ำหนักที่ดีไม่จำเป็นที่เพื่อนๆต้องอดอาหารเลย เพราะว่าจริงๆแล้วการกินน้อยเกินไป ร่างกายจะยิ่งสะสมไขมันนะ ทางทีดีเพื่อนๆแค่เลือกอาหารที่ดีและแคลอรีจากอาหารที่ดีจะช่วยให้อิ่มและทำให้ไม่อ้วนอีกด้วย

ไม่กินมื้อเย็นเลย อดไปเลย เป็นความเชื่อทิ่ผิด

การที่เพื่อนๆจะลดน้ำหนักนั้นจริงๆแล้วไม่จำเป็นเลยที่ต้องอดมื้อเย็น เพราะจริงๆ เพื่อนๆแค่จัดการการกินระหว่างวันให้เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น มื้อเช้ากินข้าวกล้อง อกไก่ กลางวัน ข้าว กับเกาเหลาหมู (ไม่ใส่กระเทียม) และมื้อเย็นกินเป็นสลัดทูน่า น้ำเต้าหูไม่หวาน เป็นต้น จริงๆ คือเพื่อนๆแค่เลือกกินให้ดีและเหมาะสมกับแคลอรีต่อวันก็จะช่วยลกน้ำหนักได้แล้วไม่จำเป็นเลยที่จะไม่กินมื้อเย็น!

กินแต่เนื้อสัตว์ไม่ทำให้อ้วน เป็นความเชื่อที่ผิด

การที่เพื่อนๆเลี่ยงการกินอาหารประเภทต่างๆ อย่างคาร์โบไฮเดรต หรือ ไขมัน และไปเน้นกินแต่เนื้อสัตว์ กินแบบเยอะๆไปเลยนั้นเป็นความเชื่อที่ผิดที่จะลดน้ำหนักอย่างมาก เพราะจริงๆแล้วการกินเนื้อสัตว์มากๆ นั้นมีทำให้เราเยอะเกินจาการที่เราเผาผลาญต่อวัน ก็ทำให้เพื่อนๆอ้วนอยู่ดี สิ่งที่ถูกต้องคือต้องกิน คาร์โบไฮเดรต และไขมันให้พอดี และที่สำคัญเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาหารประเภทโปรตีนให้เหมาะสม หากเรากินทุกอย่างให้เหมาะสมและปริมาณที่ร่างกายต้องการต่างหากละ จะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องที่สุด

การเวทเทรนนิ่ง จะทำให้หุ่นตัวใหญ่ และไม่ช่วยลดน้ำหนักเป็นความเชื่อที่ผิด

สามๆหลายคนเลยที่ ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งจะต้องทำให้หุ่นใหญ่แน่ๆเลย นั้นเป็นความเชื่อที่ผิดมากก เพราะการที่เราเสทเทรนนื่งนั้นไม่ได้ทำให้ตัวใหญ่ หรือ ทำให้ล่ำขึ้นหรอกนะ ทางกลับกันมันจะทำให้ร่างกาย หุ่น หรือ ส่วดทรงเราเล็กลงต่างหาก เพราะจริงๆการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อเรากระชับดูฟิตแอนด์เฟิร์มนั้นเอง และทางที่ดีควรจะคาร์ดิโอเพื่อที่จะเผาผลาญไขมันออกไปด้วยจะยิ่งทำให้ร่างกายเราลีนและเห็นกล้ามเนื้อชัดๆ และดูกระชับยิ่งขึ้นอีกด้วย แถมการมีกล้ามเนื้อเยอะจากการเล่นเวทเทรนนิ่งจะช่วยทำให้เรามีระบบเผาผลาญดีขึ้นอีกด้วย

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน csgo

วีธีช่วยให้ผอม มีความสุขกับการลดน้ำหนัก ไม่ต้องเครียด!!

ถามว่าทุกคนที่เคยผ่านการลดน้ำหนักมา เชื่อว่าแต่ละคนต้องเจอความเหนื่อยยากในการลดน้ำหนัก หรือ เครียดเวลาน้ำหนักไม่ลงสักที  หรือว่าบางทีวิธีที่เราทำนั้นไม่ถูกต้องนะ ทำไมลดลงยาก แถมลดนานๆก็ยิ่งเครียดด้วย จริงๆเพื่อนๆต้องใจเย็นๆนะ การลดน้ำหนักไม่ต้องลดแบบซีเรียสหรือเครียดหรอก เพื่อนๆสามารถลดน้ำหนักได้มีความสุขขึ้น ถ้าได้รู้วิธีที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้เราผอมลงจริง เรามาดูกันดีกว่ามีวีธีอะไรบ้าง

กินอาหารเช้าอย่างมีความสุข

อาหารเช้าถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญมาก เพราะเพื่อนๆบางคนเลือกที่จะข้ามมื้อเช้าไปกินกลางวันแทน ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะจริงๆแล้วถ้าเพื่อนๆได้กินมื้อเช้า เลือกกินอย่างมีความสุขได้เลย อย่างคาร์โบไฮเดรตดี โปรีตีน ไขมันดี ผักแลผลไม้ นั้น จะเป็นการช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญตั้งแต่เช้า และจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีตลอดทั้งวันด้วยนะ

นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่านอนดึก

การพักผ่อนหรือการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับร่างกายของเพื่อนๆมากนะ เพราะว่าการที่ได้นอนได้เยอะ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายเราได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ พร้อมที่จะลุยวันใหม่นั้นเอง และหากเพื่อนๆนอนดึกหรือพักผ่อนไม่พอ จะมีกระบวนการผลิต ฮอร์โมนหิว หรือ เกรลิน ออกมาเป้นจำนวน 2 เท่า ซึ่งนั้นแปลว่าวันถัดไปเพื่อนๆจะรู้สึกหิวมากกว่าปกติได้นะ

ออกกำลังกาย ทั้งเวทเทรนนิ่ง และคาร์ดิโอนะ 

การที่เพื่อนๆจะลดน้ำหนักให้มีความสุข การออกกำลังกาย จะช่วยให้ร่างกายเราสดชื่นและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายนั้น จริงๆมันเป็นการผ่อนคลายจากความเครียดได้ด้วยนะ โดยเพื่อนๆสามารถลดน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารเลือกอาหารที่ดีแล้ว ก็ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย ซึ่งการมีกล้ามเนื้อมากขึ้นก็จะช่วยเรื่องระบบเผาผลาญให้ดีขึ้นด้วย และคาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกายเพื่อให้ร่างกายลีนไวๆ

หันมาเตรียมทอาหารกินเอง 

ลองหันมาเลือกอาหารดีโดยการที่เพื่อนๆ หันมาปรุงอาหารเอง เพื่อจะได้ทำอะไรก็ตามที่เราอยากกินและยังช่วยเรื่องการปรุงแต่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยนะ เช่น เพื่อนๆไปเลือก ซื้อข้าวกล้อง อกไก่ สันในไก่ ผักต่างๆ หรือ อะโวคาโด และมาจัดเตรียมอาหารสำหรับตัวเองในแต่ละวัน โดยการปรุงอาหารแบบ ต้ม ย่าง นึ่ง ไม่กินของมันของทอด ซึ่งการทำแบบนี้เพื่อนๆจะมีความสุขในการกินอาหารมากขึ้น อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

การเช็คสุขภาพด้วยการสังเกตประจำเดือนของเรา

สำหรับผู้หญิงหลายๆคนนั้นมักคงหนีไม่พ้นการมีประจำเดือนนั่นเองโดยประจำเดือนนี้อาจมีชื่อเรียกหลายๆอย่างด้วยกันนั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่หรือท้องถิ่นของคุณนั้นเรียกว่าอย่างไรเพราะในบางพื้นที่ก็จะเรียกประจำเดือนหรือเมนส์หรือแม้แต่ฤดูก็เช่นกันซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นสิ่งเดียวกันด้วยกันทั้งสิ้น โดยเป็นการขับเลือด ขี้เป็นเลือดเสียออกมาจากร่างกายโดยผ่านมดลูกซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเฉพาะผู้หญิงเพียงเท่านั้น

การขับเลือดเสียเหล่านี้มักจะเป็นการขับโดยออกมาทุกเดือนด้วยกันและจะเป็นเดือนละครั้งเพียงเท่านั้น ระยะเวลาที่ประจำเดือนมักจะออกหรือมักจะไหลออกมาส่วนใหญ่แล้วจะมีด้วยกันตั้งแต่ 3 วันถึง 7 วันด้วยกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายของบุคคลเหล่านั้นด้วยเพราะมันเป็นการไม่ตายตัวเอาเสียเลยในการไหลของประจำเดือนซึ่งบางคนอาจจะไหลน้อยบางคนอันตรายมากหรือบางคนอาจจะมาแบบกระปิดกระปอยดังนั้นการสังเกตอาการต่างๆหรือโรคต่างๆเราก็สามารถสังเกตได้จากการมีประจำเดือนเหล่านี้แหละ

นอกจากจะสังเกตประจำเดือนที่ไหลออกมามากน้อยผิดปกติแล้วเรายังสังเกตกับสีของประจำเดือนได้เช่นกันเพราะว่าสีมันสามารถบ่งบอกถึงระบบภายในร่างกายของคุณที่อาจมีอะไรผิดพลาดได้เช่นกัน ซึ่งสีประจำเดือนนั้นจะบอกอะไรแก่เราได้บ้างมาดูกันเลย

บุคคลที่สีประจำเดือนออกมาสีจางโดยสีเลือดนั้นไม่เข้มไม่สด โดยที่ไม่ว่าประจำเดือนจะมามากหรือน้อยก็ตาม โดยถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นที่มีสีประจำเดือนออกมาเป็นสีจางๆให้สังเกตวิธีต่างๆเหล่านี้ โดยคุณนายมีอาการปวดท้อง ท้องอืด หรือเบื่ออาหารหรือไม่ สาเหตุต่างๆเหล่านี้ มันจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับคุณทำงานหนักจนเกินไป นอกจากนั้นยังพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีความเครียดมากจนเกินไปนั่นเองมันจะบ่งบอกถึงความผิดปกติภายในร่างกายของคุณออกมาทางประจำเดือนที่มีสีผิดแตกต่างจากเดิมที่เคยจะเป็น

สีประจําเดือนที่มีสีเข้มจนเกินไป โดยมีสีเข้มและอาการเหล่านี้อาจจะมีอาการอื่นๆเข้ามาอีกด้วยนั่นก็คือการปวดท้องน้อย แต่ถ้าหากคุณมีเลือดมากจนเกินไป และทำให้ร่างกายของคุณเกิดอาการอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง สิ่งควรระวังนั่นก็คือคุณอาจจะเป็นโรคซีสต์ก็ได้เช่นกัน หรืออาจจะเป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรืออาจจะร้ายแรงกว่านั้นนั่นก็คือมีเนื้องอกที่รังไข่ ถ้าหากมีสีประจำเลือดที่ผิดปกติเช่นนี้คุณควรพบแพทย์จะดีกว่านะเพื่อที่จะตรวจสอบได้อย่างแน่ชัดว่าคุณเป็นอะไรกันแน่

หรือแม้กระทั่งสีประจำเลือดที่สีดำคล้ำที่ผิดปกติ อันที่จริงแล้วคุณอาจจะมองว่ามันผิดปกติแต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่แล้วมันสามารถเป็นการทำให้เลือดไปติดค้าง ที่บริเวณช่องคลอดนานจนเกินไป ดังนั้นจึงก่อให้เกิดสีของเลือดที่เปลี่ยนสีจะทำให้มันเป็นสีเข้มขึ้นจากเดิมขึ้นมาได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame77

สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง

ในช่วงที่สภาวะอากาศทั้งมลพิษฝุ่นควันต่างๆรวมไปถึงเชื้อโรคเชื้อไวรัสที่มีการเกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งที่เป็นอันตรายทางตรงและที่เป็นอันตรายทางอ้อมทำให้สิ่งเหล่านี้นั้นสามารถทำร้ายสุขภาพของเราได้ทั้งสุขภาพภายในและสุขภาพภายนอกด้วยดังนั้นแล้วเมื่อสิ่งเหล่านี้นั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงการรับมือกับสิ่งเหล่านี้และอยู่ให้ได้อย่างปลอดภัยถึงแม้จะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ

เหล่านี้ก็ตามนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและควรที่จะให้ความใส่ใจอย่างมาก เพราะสิ่งเหล่านี้นั้นสามารถที่จะทำร้ายเราได้ทั้งภายนอกร่างกายและทำร้ายถึงระบบภายในร่างกายเราด้วย ยิ่งถ้าหากไม่ได้รับการดูแลร่างกายของเราก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ทั้งมลพิษและมลภสวะทางอากาศต่างๆนั่นเอง ดังนั้นแล้วการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับตัวเองนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรทำและให้ความสำคัญมากๆด้วยนั่นเอง

การสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองนั้นปลอดภัยจากมลพิษสภาวะทางอากาศหรือทางอื่นๆด้วยนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองและเป็นการป้องกันสร้างภูมิคุ้มกันอย่างง่ายๆโดยเริ่มจาก การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8แก้ว การดิ่มน้ำนั้นจะสามารถช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นไม่เกิดการขาดน้ำเอทั้งร่างกายและผิดหนังไม่เกิดการขนาดน้ำก็จะทำให้ร่างกายของเรานั้นมีภูมิต้านทางและแข็งแรง

สามารถต่อสู้กับมลภาวะภายนอกได้นั่นเอง เพราะการดื่มน้ำที่ดีสะแดนั้นเป็นการสร้างภูมิต้านทานมาจากข้างในสู้ข้างนอกนั่นเอง ดังนั้นแล้วการดื่มน้ำให้พอดีและเพียงพอต่าอวันจึงเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อย่างดีเลยทีเดียว

สิ่งต่อมาที่จะสามารถช่วยป้องกันและสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้นั้นคือการกินผลิตภัณฑ์จำพวกอาหารเสรอมหรือวิตามินต่างๆ ซึ่งในปัจจุบนสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นวิตมินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยในเรื่องการป้องมลพิษและมงภาวะต่างๆได้นั้นมีอยู่มากมายหลายตัว ซึ่งก็สามารถที่จะหาซื้อได้ตามร้านขายยาต่างๆทั่วไป ซึ่งวิตามินที่จะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน

ได้นั้นก็คือวิตามินซี เป็นวิตมินที่แนะนำว่าควรจะรับประทานทุกวันวันละ2เวลาคือเช้าและเย็นนั่นเองและควรเป็นวิตมินซีที่มีปริมาณ500มิลลิกรัมด้วยเพราะจะสามารถทำให้ร่างกายนั้นเกิดการดูดซึมได้อย่างดีและร่างกายจะได้น้ำสารอาหารของวิตามินไปใช้เพื่อป้องกันมลภิษหรือโรคภัยต่างๆที่อาจจะเกิดจากมลภาวะนั่นเอง

วิธที่จะสามารถป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีที่สุดนั่นก็คือการออกกำลังกายนั่นเองเพราะการออกกำลังกายนั้นจะเป็นการสร้างร่างกายทั้งภายในและภายนอกให้แข็งแรงเพื่อที่จะสามารถเป็นภูมิต้านทานกับโรคภัยหรือมลภาวะต่างๆได้นั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน true wallet

วิธีดูแลตัวเอง ในช่วงที่นอนน้อย นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

การที่เพื่อนๆ อดนอนไม่ว่าจะมาจากการที่ต้องอ่านหนังสือสอบ หรือ ทำงานจนดึก นั้น หากอดนอนเป็นระยะเวลาต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องดีกับร่างกายอย่างแน่นอน แต่บางที่เราก็เลือกไม่ได้ เพราะมีภารกิจจะต้องทำ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีวิธีดูแลตัวเองสำหรับเพื่อนๆที่จำเป็นจะต้องนอนน้อยหรือพักผ่อนไม่พอ มาฝากกันนะ 

พยายามนอนต่อเนื่องอย่างน้อย 4 ชั่วโมง การนอนน้อยก็ยังดีกว่าไม่นอน แต่ทางที่ดีควรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง (ถึงแม้ 3 ชั่วโมงจะยังเพียงพอต่อก็การอดนอนแต่ไม่แนะนำ) การที่ได้นอน อย่างน้อย 4 ชั่วโมงจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนพอที่จะกลับมาลุยงานต่อนะ เพราะ การนอน 4 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะ Shut down และได้พักจริงๆ ไม่มากก็น้อยนั้นเอง 

งีบตอนกลางวันบ้าง การที่นอนน้อยหรืออดนอน ถึงร่างกายคุณยังจะตื่นแต่การที่อดนอนเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ยังไงสมองคุณจะเริ่มทำงานได้มีประสิทธิภาพน้อยลงอย่างแน่นอน ทางที่ดีที่จะช่วยให้ทำงานหรืออ่านหนังสือให้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ งีบกลางวัน  หรือ นอนพักกางวันนั้นละ เพราะการที่คุณได้งีบ สัก 30 – 1 ชั่วโมง มันจะทำให้ร่างกายคุณได้พัก และพอตื่นมาลุยงานต่อ สมองคุณจะเฟรชและทำงานได้ดีขึ้นนะ

ขยับตัว หรือเคลื่อนไหวให้มากขึ้น การที่ร่างกายอดนอน ร่างกายจะเกิดความอ่อนล้า เพลียง่าย ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยได้ คือ เพื่อนๆต้องลุกขึ้นมา ขยับทำนู้นทำนี่ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว เพราะหากไม่ลุกหรือนั่งอยู่ที่เดิมนานๆ ร่างกายคุณจะยิ่งล้า และไม่สดชื่นอีกด้วย การเคลื่อนไหวหรือยืดเส้นยืดสาย จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายลงด้วย เพราะการที่ไม่ได้นอนหรือพักผ่อนน้อย ร่างกายจะรู้สึกเครียดและปวดเมื่อยตามตัวง่าย

นอนน้อยแล้วอย่ากินคาเฟอีนไปสู้ การที่ร่างกายเรานอนน้อยอยู่แล้ว อดนอนมาสักระยะแล้ว ไม่ควรจะกินคาเฟอีน เยอะๆ เพื่อสู้กับความง่วงนะ เพราะมันจะทำให้ร่างกายคุณเครียดและเกิดอาการสับสน เพราะสมองเพื่อนๆคือง่วงไม่ไหวแล้ว แต่ตาค้างนอนไม่ได้ มันอาจจะทำให้เกิดอาการช๊อคได้เลยนะ เพราะฉะนั้นหากจะกินคาเฟอีน ก็แค่นิดหน่อยหรือพอเหมาะพอ อย่ากินเพื่อที่จะสู้กับความง่วงขนาดนั้น ถ้าง่วงสุดๆแนะนำไปพักสัก 1 ชั่วโมงยังดีกว่า

กินอาหารเสริมช่วยอย่างวิตามินรวมและวิตามินซี การที่อดนอนร่างกายจะเกิดความอ่อนแอหรือป่วยได้ง่าย เพราะฉะนั้น เพื่อนๆควรหาอาหารเสริมมากิน อย่างวิตามินซี ป้องกันเรื่องหวัด หรือ วิตามินรวม เพื่อที่จะให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง และป้องกันการป่วยอย่างฉับพลันเพราะอดนอน!

 

ขอขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  bk8

เทคนิคการกินให้น้อย และทำให้หิวน้อยลง

           วันนี้เรามีบทความดีๆสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนและคนที่อยากผอมให้มาทดลองใช้กันซึ่งเรารู้กันอยู่แล้วว่าคนเรานั้นอ้วนมาจากการที่เรากินอาหารเยอะเกินไปและบางคนนั้นก็กินทั้งที่ตนเองไม่ได้ยินเลยก็ตามแต่หลายคนนั้นก็กินเนื่องจากว่าเกิดจากอาการที่หิวมากกว่าปกติทั่วไปถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงของเวลาค่ำคืนดึกดื่นก็ตามแต่ท้องไส้

ก็ยังร้องเพราะความหิวดังนั้นหลายคนจึงได้มีการกินอาหารโดยที่ไม่ควบคุมเวลาว่าควรจะกินเวลาไหนและเมื่อหิวแล้วก็กินเข้าไปโดยที่ไม่ควบคุมจำนวนอาหารการกินเลยว่าควรจะกินในปริมาณมากน้อยแค่ไหนส่งผลให้หลังจากนั้นก็จะเกิดอาการอ้วนดังนั้นวันนี้เราจะมีเทคนิคและเคล็ดลับง่ายๆเพื่อให้เรานั้นจึงได้น้อยลงและเป็นการลดความหิวให้กับตัวเองเชื่อหรือไม่ว่าการกินอาหารนั้นเราควรจะต้องกินอาหารให้เป็นเวลาเพื่อที่จะให้กระเพาะของเรานั้นจดจำว่าช่วงเวลาไหน

ที่ควรหิวหรือช่วงเวลาไหนที่ควรไม่หิวเช่นเราควรจะต้องกินเช้าตอนเช้านั้นช่วงเวลาสักประมาณ 7:00 นทุกๆวันหลังจากนั้นเราก็จะกินอาหารกลางวันในช่วงเวลา 12:00 นของทุกๆวันเช่นเดียวกันรวมถึงในตอนเย็นเราก็ควรจะกินอาหารเย็นในช่วงเวลา 18:00 นทุกๆวัน แล้วเมื่อเกิดความเคยชินว่าช่วง 7:00 นช่วงเที่ยงและช่วง 18:00 น

เป็นช่วงที่จะได้กินอาหารในช่วงเวลาอื่นนั้นจะทำให้เราไม่ค่อยอยากอาหารนั้นเองและที่สำคัญเวลาที่เรากินอาหารนั้นเราไม่ควรรีบกินมากจนเกินไปการค่อยๆเคี้ยวจะทำให้อาหารนั้นค่อยๆไหลลงไปในกระเพาะซึ่งจะทำให้เรานั้นสามารถที่จะผสมอาหารในกระเพาะได้เยอะในช่วงที่เรามีการเคี้ยวช้าๆเราก็จะรู้สึกว่าเราอิ่มเร็วและที่สำคัญเวลาที่เราจะกินอะไร

ก็แล้วแต่เราควรจะตัดอาหารใส่ในจานที่มีขนาดเล็กวัดจากขนาดเล็กมันก็จะทำให้เราเห็นว่าอาหารนั้นล้มจานแล้วเราก็จะกินอาหารแค่เพียงในปริมาณการเท่านั้นแต่ในขณะเดียวกันถ้าหากเราฝากอาหารที่ใส่จานขนาดใหญ่เวลาที่เราตักอาหารลงไปเราก็จะเห็นอาหารกล่องเล็กๆอยู่ในจานทางที่อาหารนั้นอาจจะเยอะแล้วก็ได้

แต่เราก็จะมากขึ้นเพราะเกรงว่าจะไม่พอกินดังนั้นเมื่อเราตัดไปเยอะแล้วก็จะกินเยอะนั่นเองดังนั้นอาหารเราควรใส่ในการที่มีขนาดเล็กเพื่อที่เราจะได้มีการควบคุมการกินของเราได้และที่สำคัญเวลาที่เรากินอาหารนั้นเราควรทานอาหารที่เป็นโปรตีนเพราะจะช่วยทำให้เรานั้นอิ่มนานขึ้นไม่ว่าจะเป็นการกินไข่ต้มหรือแม้แต่กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์รวมถึงขนมปังโฮลวีทและปลาอาหารเหล่านี้เมื่อเรากินเข้าไปแล้วจะช่วยให้เราอิ่มนานขึ้นและไม่หิวง่ายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8

ผลไม้ที่เหมาะกับคนที่กำลังจะลดความอ้วนที่รับรองว่ากินแล้วไม่อ้วนแน่นอน 

หลายๆคนนั้นมักจะไปซื้อยาลดความอ้วนหรือไม่ก็ออกกำลังกายและคนหลายๆคนนั้นเวลาจะลดความอ้วนหลายๆคนก็มักจะหันไปพึ่งผลไม้ในการลดความอ้วนกันแทนเพราะเคยได้ยินมาว่าผลไม้จะช่วยลดความอ้วนได้ค่ะ

ซึ้งเอาจริงแล้วนั้นมีผลไม้มากมายหลายชนิดเลยที่มีน้ำตาลสูงอาจทำให้อ้วนได้แต่ก็มีผลไม้แต่ละชนิดที่กินแล้วไม่อ้วนและจะทำ ให้ผู้อื่นเช่นเดียวกันและวันนี้เราก็จะมาพูดถึงผลไม้ที่จะทำให้เราไม่อ้วนและหุ่นดีกันโดยผลไม้นั้นจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราก็จะพากันไปดูกันเลยค่ะ 

สำหรับผลไม้ชนิดแรกต้องให้แตงโมเลยค่ะแตงโมนั้นเหมาะมากกับการที่เราจะกินเพื่อดับร้อนเพราะมันทำให้เรารู้สึกชุ่มๆนอกจากนั้นยังมีแคลอ รี่น้อยมากนอกจากนั้นแตงโมยังช่วยทำให้เราผิวดีอีกด้วยดังนั้นหากใครจะลดน้ำหนักก็สามารถที่จะกินแตงโมได้โดยไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่าตัวเอง จะอ้วนเพราะมันทั้งดีต่อสุขภาพแถมยังลดความอ้วนให้เราได้อีกด้วยนอกจากนั้นยังมีผลดีโดยการมันจะสามารถทำให้ระบบขับถ่ายของเสียจาก ร่างกายของเราออกไปได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะเรียกว่าแตงโมนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดกันมากเลยนะคะ 

ต่อมาผลไม้ชนิดที่ 2 เราก็ต้องยกให้กับแอปเปิ้ลกันเลยค่ะโดยแอปเปิ้ลนั้นเป็นผลไม้ที่หากเราค้นหาในเว็บไซต์ต่างๆว่าควรกินผลไม้อะไรลดความอ้วนจะสามารถแอปเปิ้ลเป็นอันดับต้นๆกันได้เลยเพราะแอปเปิ้ลนั้นมีแคลอรี่น้อยมากนอกจากนั้นการกินแอปเปิ้ลในแต่ละครั้งจะทำให้เราหิวน้อยลงและเมื่อหิวน้อยลงแล้วก็จะกินน้อยลงค่ะดังนั้นจะทำให้เราลดความอ้วนลงได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนั้นผลแอปเปิ้ลนะคะยังมีวิตามินที่มี ประโยชน์ต่อร่างกายของเราเยอะมากเรียกได้ว่าดีมากๆเลยค่ะสำหรับคนที่ต้องการจะลดความอ้วนโดยนอกจากที่มันจะอร่อยและหวานทำแล้ว มันยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกเรียกว่าดีครบถ้วนเลยล่ะค่ะ 

หากถามถึงผลไม้อีกผลไม้นึงเลยนั่นก็คือมะละกอค่ะโดยมะละกอนั้นจะช่วยทำให้เราทั้งหุ่นดีนอกจากนั้นนะคะก็จะทำให้เราสามารถที่จะลดความอ้วนได้ดียิ่งขึ้นนอกจากนั้นมันยังอร่อยอีกด้วยโดยการที่เรากินมะละกอนั้นจะทำให้เราไม่อ้วนอีกแน่นอนเพราะมะละกอแคลอรี่แค่เพียง 13 แคลอรี่เท่านั้นค่ะ

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน

การนอนพื้นจะช่วยทำให้หายปวดหลังได้จริงหรอ

         หลายคนอาจจะพูดถึงเรื่องของการนอนบนที่นอนนิ่มๆนั้นทำให้เกิดอาการปวดหลังซึ่งก็จะมีคนแนะนำให้เรารู้ว่าหากปวดหลังนั้นก็ให้ไปทำการนอนพื้นที่มันแข็งๆจะช่วยทำให้เราสามารถหายปวดหลังได้ซึ่งอันที่จริงแล้วการนอนพื้นแข็งนั้นไม่สามารถการันตีได้เลยว่าจะทำให้เราหายปวดหลังจริงหรือไม่เพราะยังไม่เคยมีข้อพิสูจน์แต่อย่างใดแต่ในขณะเดียวกัน

เราก็จะเห็นว่าถ้าเกิดว่าการนอนบนพื้นที่มันนุ่มมากเกินไปเหมือนเวลาเรานอนเร้าร่างกายของเราจมอยู่บนฟูกหรือที่นอนนั้นๆมันจะทำให้เวลาของเรานั้นของอตามที่นอนที่เรานอนลงไปซึ่งจะมีผลทำให้เราปวดหลังได้ดังนั้นการเลือกที่นอนหรือการนอนรูปที่มันไม่นิ่มมากจนเกินไปนั้นมันก็จะช่วยทำให้เราปวดหลังได้น้อยลงนั่นเองแต่ยังไม่เคยมีใครออกมาพูดยืนยันได้ว่าการที่นอนกับพื้นกระดานหรือพื้นแข็งๆนั้น

จะทำให้เราหายปวดหลังนั้นเองอย่างไรก็ดีหากใครที่ต้องการที่จะนอนบนพื้นแข็งๆนั้นควรจะต้องมีข้อระมัดระวังสำหรับคนบางกลุ่มได้ก็คือกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุเพราะกลุ่มนี้อันตรายเกี่ยวกับเรื่องของกระดูกเนื่องจากว่าคนสูงวัยนั้นจะมีกระดูกที่เปราะง่ายกว่าคนทั่วไปดังนั้นการที่ ปล่อยให้คนสูงอายุนะนอนพื้นก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมาจากการกระดูกหักได้เช่นเดียวกัน

อีกกลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มคนที่มักจะมีอาการหนาวง่ายเพราะว่าพื้นนั้นมักจะเย็นมากกว่ากันนอนบนที่นอนดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงไม่ควรที่จะนอนพื้นซึ่งส่วนใหญ่นั้นคนที่หนาวง่ายนั้นมักจะเป็นผู้ป่วยที่มักเป็นโรคเช่นเป็นโรคโลหิตจางหรือพวกโรคไทรอยด์นั้นเองในขณะเดียวกันอีกคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ควรนอนพื้นเลยก็คือคนที่เคลื่อนไหวร่างกายลำบากอาจจะเป็นกลุ่มคนที่ลุกเองไม่ค่อยได้

หรือคนท้องซึ่งเวลาเคลื่อนไหวแล้วมันจะค่อนข้างลำบากดังนั้นจึงไม่ควรที่จะนอนพื้นนั่นเองการนอนพื้นที่ทำให้เกิดความสุขสบายขึ้นมาหน่อยหนึ่งก็คือหากเราจำเป็นต้องนอนพื้นจริงๆไม่ควรนอนกับพื้นเลยควรจะหาอะไรมาปูรองนอนดีกว่าอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ร่างกายของเราได้รับความเย็นจากพื้นมากเกินไป นอนตะแคงก็จะช่วยให้คุณนอนพื้นได้ดีขึ้นกว่าเดิมรวม

ถึงควรหาหมอนมารอตรงบริเวณขาหรือหัวเข่าก็จะช่วยให้คุณนอนพื้นได้สะดวกสบายมากขึ้น  หากใครที่คิดอยากนอนพื้นเพราะหวังว่าจะช่วยในเรื่องของอาการปวดหลังได้นั้นก็ลองทดลองนอนดูก่อนเป็นแค่แบบชั่วคราวดูก่อนแล้วถ้าเกิดว่ามันได้ผลดีก็ค่อยนอนแบบระยะยาวอีกทีหนึ่งแต่ลืมว่ายังไงก็แล้วแต่ควรจะหาผ้าหรือผู้ที่ไม่หนามากนะว่าปูรองนอนอีกชั้นหนึ่งก่อนนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  สมัครsagame

การปฐมพยาบาลคนที่มีอาการเลือดกำเดาไหล 

      เชื่อว่าตั้งแต่เล็กจนโตทุกคนคง ต้องเคยผ่านประสบการณ์เลือดกำเดาไหลกันมาบ้างหรืออาจจะเคยเห็นเพื่อนๆในห้องเรียนหรือคนในบ้านมีอาการเลือดกำเดาไหลซึ่งอาการเลือดกำเดาไหลนั้นไม่ได้เกิดจากการมีโรคภัยไข้เจ็บหรือโรคประจำตัวแต่อย่างใดนะคะแต่ว่าสาเหตุที่เราอาจจะมีอาการของเลือดกำเดาไหลนั้นเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นที่คนที่เลือดกำเดาไหลนั้นมีอาการเครียดมากจนเกินไปซึ่งความเครียดนี้เป็นความคิดทุกอย่าง

ที่เรามีการสะสมเอาไว้ไม่ว่าจะมาจากเรื่องของการเรียนเรื่องของการทำงานเรื่องของการมีปัญหาส่วนตัวก็แล้วแต่ทำให้เกิดความสะสมมากๆแล้วเครียดมากจนเลือดกำเดาไหลออกมาก็ได้หรืออาจจะเลือดกำเดาไหลที่มีสาเหตุมาจากการมาจากการที่เราไปเจออากาศที่ร้อนจัดอบอ้าวทำให้ระบบภายในของเรานั้นร้อนและทำให้เลือดกำเดาไหลก็ได้หรือบางคนก็เกิดจากการที่มีอาการเป็นโรคภูมิแพ้ทำให้มีอาการไอหรือจามอย่างรุนแรงและเมื่อเป็นบ่อยๆก็จะทำให้บริเวณเส้นเลือดฝอยตรงจมูกนั้นฉีกขาดได้

ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลนั่นเองและอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลได้นั่นก็คือคนที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของอาการท้องผูกนั่นเอง เรามักจะเห็นว่าหากคนที่มีอาการเลือดกำเดาไหลเมื่อไหร่คนส่วนใหญ่มักจะให้คนที่เลือกกำเดาไหลนั้นไปนอนราบแล้วก็แหงนหน้าขึ้นซึ่งจริงๆแล้วบอกได้เลยว่าวิธีการนี้อาจจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องมากนัก

สำหรับคนที่มีอาการเลือดกำเดาไหลนั้นจริงๆแล้ววิธีการที่จะช่วยเหลือและระงับไม่ให้อาการเลือดกำเดาไหลเป็นมากขึ้นกว่าเดิมนั้นเราอาจจะต้องทำดังนี้นั่นก็คือ พยายามให้คนที่เลือกกำเดาไหลนั้นนั่งหรือยืนตัวตรงๆหลังจากนั้นก็ให้ก้มศีรษะลงมาบ้างเล็กน้อย แล้วหลังจากนั้นก็หาผ้าสะอาดสะอาดมาลองทรัพย์ตรงบริเวณที่ปลายจมูกแต่ถ้าเกิดทำแบบนี้แล้ว

ยังไม่สามารถที่จะทำให้เลือดกำเดาหยุดไหลได้เราก็มีวิธีการอื่นเพิ่มเติมนั่นก็คือการที่เรานั้นจะใช้นิ้วหัวแม่มือของเรานั้นกลับไปที่บริเวณปลายจมูกส่วนล่างหลังจากนั้นก็บีบที่บริเวณปลายจมูกของเราเพื่อให้เลือดกำเดาหยุดไหล ซึ่งหลังจากที่เรามีการบีบบริเวณปลายจมูกแล้วก็อย่าลืมหาน้ำแข็งหรือหาผ้าเย็นมาประคบบริเวณที่ตรงจมูกของเรา

และถ้าหากเลือดกำเดาหยุดไหลแล้วก็อย่าลืมให้คนที่มีเลือดกำเดาไหลนั้นไปทำการล้างจมูกให้เรียบร้อยด้วยการนำน้ำอุ่นล้างที่บริเวณจมูกหลังจากนั้นก็ให้ไปนอนพักผ่อนในการนอนราบทั้งนี้การนอนพักผ่อนด้วยการนอนราบนั้นจะช่วยทำให้เลือดกำเดาไม่กลับมาหลายซ้ำอีก แต่อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่มีอาการเลือดกำเดาไหลและทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วแต่ก็ยังไม่หายเลิกกำลังยังคงไหลออกมาอีกก็ควรจะรีบไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันเลือดหมดตัวด้วยนะคะ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame