ผู้เขียน: admin

เคล็ดลับการรับประทานวิตามินซีทำให้ผิวดูสดใสขึ้น

สำหรับที่มีปัญหาเรื่องสีผิวไม่กระจายใสเราเองก็เคยเป็นเมื่อก่อนเราเป็นคนผิวคล้ำไม่กระจ่างใสโดนแดดแล้วทำให้ผิวหมองคล้ำและปัญหาที่ใครหลายๆคนชอบแก้กันก็คือจะชอบแก้ด้วยการทาวิตามินซีเสริมเข้าไปเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ทาวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน

ซึ่งวันนี้เราจะมารู้ความลับพร้อมกันว่าทาวิตามินซีอย่างไงให้ผิวของเราดีขึ้นแล้วก้สามารถทันแสงแดดได้จริงไปดูกันเลยโดยปกติแล้วการทาวิตามินซีของใครหายๆคนมักจะหวังผลในด้านของการลดรอยสิวผิวกระจ่างใสเราเองก็เช่นเดียวกันคือโดยปกติแล้วเราจะทานวันละ500mgถึง1000mg

นอกจากนี้ใครหลายๆคนในอดีตที่ผ่านมาหรือว่าในปัจจุบันที่ได้อ่านบทความนี้อยู่เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่แต่เราสังเกตหรือไม่ว่าโดยปกติแล้วมันจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่หรือว่ามันจะทำให้ผิวของเราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นเราอยากจะมาแชร์ผลวิจัยข้อหนึ่งที่เขาบอกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะช่วยทำให้ผิวของเรากระจ่างใสขึ้นเอยากจะบอกว่าเราได้ทำการทดลองมาประมาณ5เดือนแล้วและรู้สึกว่ามันได้ผลจริงๆก็คือเขาได้บอกว่าการทาวิตามินซีร่วมกันกับวิตามินอี

เพราะฉะนั้นแล้วผลของการศึกษาเขาได้บอกว่าการทานวิตามินซีวันละ2000mgร่วมกันกับวิตามินอีวันละ1000mgต่อเนื่องเป็นระยะเวลา3เดือนเป็นต้นไปจะสามารถทำให้ผิวของเราทนต่อแสงแดดได้เราอยากจะขอพูดถึงประสบการณ์ส่วนตัวคือเวลาที่เราไปเจอแสงแดดแน่นอนแล้วว่าแสงแดดนั้นจะมีรังสียูวีเอยูวีบีแล้วก็ทำให้ผิวของเราเกิดผลทำให้มันผลิตเม็ดสีให้มันเข้มขึ้น

เมื่อเม็ดสีเข้มขึ้นมันก็จะส่งผลทำให้เม็ดสีของเราไม่กระจ่างใสหรือว่าผิวของเรามันดำเวลาที่ผิวของเราสามารถทนต่อแสงแดดได้มันก็จะช่วยทำให้ผิวของเรากระจ่างใสแล้วก็จะไม่ทำให้ผิวของเราเวลาเจอแสงแดดแล้วดำลงนั่นเอง

เนื่องจากนี้คำแนะนำในด้านของการแบ่งการทานวิตามินซีแล้วก็วิตามินอีโดยปกติแล้วหลายๆคนอาจจะสังเกตหรือว่าสงสัยว่าท่าทานวิตามินซีวันละ2000mgมันจะดูดซึมไวหรอหรือว่าจะดูดซึมไวหรือเปล่าเอาจริงๆแล้วถ้าเราทานทีเดียวเลยในตอนเช้าแล้วร่างกายของเรามันดูดซึมไม่หมดมันก็จะปัสสาวะออกมา

ดังนั้นแล้วหากเราแบ่งทานแบบนี้วิตามินซีตอนเช้าหลังอาหารหรือว่าก่อนอาหารอะไรก็ได้เท่าที่สชทุกคนสะดวกเลยคือตอนเช้า1000mgบวกกับวิตามินอี1000mgและช่วงเย็นก็ทานวิตามินซีอีก1000mgจะทำให้ทั้งวันนี้จะได้วิตามินทั้งหมดวันละละ2000mg

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์จ่ายจริงไหม

เกล็ดความรู้โรคอ้วน

โรคอ้วนเราขอตั้งชื่อตอนว่า ปฐมบทโรคอ้วนเราจะมาเรียนรู้รากฐานของโรคอ้วนต่างๆโรคอ้วนทั้งหลายหรือภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะน้ำหนักมากหรือภาวะObesiryที่เรียกว่าโรคอ้วนได้ซักนำไปสู่ภาวะหรือโรคอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นโลกความดันโรคไขมันโรคหลอดเลือดในสมองตีบ แตก ตัน หลอดเลือดหัวใจตีบโรคปวดข้อต่อโรคภูมิแพ้โรคภูมิต้านทานต่ำโรคนอนหลับไม่ดีโรคสมองเสื่อม

ซึ่งเราสามารถสาธยายได้เป็นวันๆเลยว่าโรคอ้วนนี้ก่อให้เกิดโรคอะไรกับร่างกายเราบ้างเรามาดูในตอน ปฐมบท กันว่าก่อนที่เราจะไปถึงจุดโรคอ้วนเราควรจะมารู้จักร้างกายเราว่าอะไรหรือว่าฮอร์โมนต่างๆในร่างกายเรานั้นที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญและการทำงานของร่างกายเราที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน

เนื่องจากนี้เราจะมาคุยถึงฮอร์โมนหลายตัวและใครอยากจดก็สามารถจดได้เลยเพื่อเราจะได้ไปค้นหาเพิ่มเติมว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไรอย่างน้อยๆถ้าเรารู้ว่าอะไรมันคือสาเหตุเราก็จะสามารถควานหาช่วยกันป้องกันโรคอ้วนได้ตั้งแต่ต้นเหตุ เราจะเริ่มส่วนบนสุดก่อนเลย คือ สมอง คนเราเวลาหิวหรือเราไม่หิวเรียกว่าเราหิวหรือเราอิ่มเราจะมีฮอร์โมนอยู่สองตัวสองฝั่งฝั่งที่มันหลั่งออกมาทำให้เราหิวทำให้เราอยากกินทำให้เราอยากอาหาร

โดยอีกฝั่งหนึ่งคือมันได้หลั่งออกมาแล้วมันทำให้เราอิ่มทำให้เราหยุดกินในสมองคนเราจะมีฮอร์โมนอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่าNeuropeptide YหรือNPYตัวนี้มันหลั่งออกมาจากสมองทำให้เราหิวเวลาเราอดอาหารเวลาเราไม่มีอาหารกินเวลามนุษย์เราอดอยากก็จะหลั่งฮอร์โมนออกมาเพื่อทำให้เราอยากกินต้องกินเพื่อความอยู่รอด

นอกจากนี้แล้วเมื่อฮอร์โมนตัวนี้เวลามันหิวเขาก็หลั่งออกมาเวลาเครียดคิดมากเขาก็หลั่งออกมาเวลาเราเครียดเราคิดมากฮอร์โมรNPYหรือNeuropeptide Yก็หลั่งออกมาทำให้เรากินแล้วเวลาฮอร์โมนตัวนี้หลั่งออกมาเสร็จเราเคยพูดไปแล้วเวลาเราหลั่งฮอร์โมรเครียดนี่เราจะกินอะไรแน่นอนแล้วว่าเราจะต้องกินของหวานเราจะกินมันๆเราจะกินเค็มๆเราจะกินแป้งกินน้ำตาลเยอะประมาณนี้

ดังนั้นเวลาเราเครียดหรือเราอดอาหารนานสมองก็จะหลั่งฮอร์โมนNeuropeptide YหรือNPYออกมาทำให้เราอยากกินอาหารไม่ดีอาหารที่อ้วนเกินทำให้เราเกิดไขมันสะสมโดยเฉพาะไขมันที่น่ากลัวมากๆเรียกว่าไขมันในช่องท้องหรือที่เรียกว่าVisceralFatเป็นไขมันที่น่ากลัวมาVisceralFatคือไขมันที่เกาะอยู่ข้างในที่อยู่หลังกล้ามเนื้อสดงว่าเราอยากรู้จัก

 

 

สนับสนุนโดย  สถิติหวยลาววันพุธ

การมีกลิ่นปาก ไม่ใช่เรื่องเล็ก

เมื่อเราต้องพูดและคุยกับคนนั้นเป็นเรื่องที่ปกติดังนั้นเมื่อเรายิ่งต้องทำงานเราก็ต้องพูดคุยกับหัวหน้าหรือว่าเพื่อนร่วมงานดังนั้นการที่เราจะพูดหรือว่าคุยเราก็ต้องรู้ตัวหรือเปล่าว่าเราเป็นคนที่มีกลิ่นปากไหมเพราะว่าการที่เราเป็นคนที่มีกลิ่นปากนั้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานไม่อยากที่จะพูดหรือว่าเข้าใกล้  เราต้องตรวจสอบตัวเราด้วย  หรือว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานของเรามีกลิ่นปากแล้วเราของถามหน่อยว่าใครล่ะ  จะเป็นคนที่เข้าไปบอกว่าคุณนั้นเป็นคนที่มีกลิ่นปากซึ่งถ้าเราคุยงานกับเพื่อนเราก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปบอก

ดังนั้นเราก็ต้องรู้จากพฤติกรรมหรือว่าเป็นการที่เราหลีกเลี่ยงอย่างเช่นเป็นเดินเข้าไปคุยแบบว่าห่างๆ อย่างนี้เป็นต้น  หรือว่าเรานั้นจะใส่ผ้าปิดปากนั้นก็ได้เพราะว่าในช่วงนี้บ้านเมืองเรานั้นยังไม่พ้นเรื่องโรควิดนั่นเองซึ่งเราสามารถที่จะพูด  หรือว่าคุยได้กับคนที่มีกลิ่นปากนั่นเอง  ซึ่งวันนี้นั้นเราก็เลยจะมาบอกวิธีในการที่เราจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการมีกลิ่นปาก เพื่อที่จะไม่คนอื่นนั้นเกิดความรังเกียจเรานั่นเอง 

-การที่เราต้องแปลงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้งนั่นก็คือตอนเช้าและก่อนนอน หรือว่าเรานั้นจะเลือกแปลงเพิ่มอย่างเช่นหลังจากที่เรากินอาหารกลางวันนั่นเองแต่ว่าการที่เรากินอาหารแล้วแปรงฟันเลยนั้นไม่ควรที่จะทำเพราะว่าเมื่อเรากินเสร็จเราก็ควรที่จะรอให้เรานั้นเกิดอาการย่อยก่อน  เพราะว่าถ้าเราไม่รอให้อาหารของเรานั้นย่อยจะทำให้เกิดฟันกร่อนนั่นเอง 

-ในการที่เราแปลงฟันนั้นเราก็ควรที่จะแปลงลิ้นของเราด้วยเพราะว่าการที่เราแปลงลินจะช่วยให้เราลดคลาบแบคทีเรียนั่นเอง 

-ถ้าเกิดว่าเรารู้ตัวว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก  ฟัน  เหงือกอักเสบ หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในช่องปากนั้นเราก็ควรที่จะไปพบแพทย์ทันที 

-ส่วนเรื่องที่เราแปลงฟันนั้นแล้วเราต้องใช้น้ำยาบ้วนปากนั้นก็เกิดจากการที่เราไม่สารถที่จะเข้าแปลงฟันที่ซอกข้างในได้ ดังนั้นเมื่อเราแปลงฟันเสร็จแล้วเราก็ควรที่จะบ้วนน้ำยาด้วยเพื่อที่จะได้ชำละสิ่งที่สกปรกออกจากซอกฟันนั่นเอง  

-สิ่งนี้ที่เราควรที่จะทำให้บ่อยด้วยเพราะว่าการที่เรากินน้ำบ่อยๆเป็นเรื่องที่ดีเพราะว่าการที่เรากินน้ำนั้นจะช่วยให้เราไม่มีกลิ่นปาก  และเมื่อเรากินอาหาร หรือว่ากินขนมนั้นเราก็ควรที่จะกินน้ำเปล่าเพราะว่าน้ำเปล่าจะช่วยชำระล้างแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากของเราได้อีกด้วย อย่างน้อยๆเราก็ควรที่จะไปพบหมอฟันเพื่อที่จะตรวจฟันอย่างน้อยหกเดือนครั้งหรือว่าปีละครั้งนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี ruay

สาเหตุหลักที่ทำให้ปวดข้อเท้า

อาการที่เรารู้สึกว่าเรามีอาการปวดข้อเท้าทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรอย่างเราก็ไม่ได้ออกกำลังกายหรือว่าเราเดินมากนั่นเองแต่ว่าทำไมเรารู้สึกว่าเรามีอาการที่ปวดเท้ามากขึ้นซึ่งอาการปวดอยู่นั้นเราก็รู้สึกว่าปวดขึ้นมานั่นเอง  เพราะว่าอาการที่เราปวดนั้นสามารถที่จะปวดได้นอกจากการที่เราไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้ไปดูสิว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีอาการปวดที่ข้อเท้านั่นเอง  ซึ่งในวันนี้เราจะมาบอกอาการที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีอาการปวดเท้าด้วยสาเหตุอื่นนั้นมีอะไรบ้าง

น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น  หากว่าเรามีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่เราก็จะมีอาการที่เราสามารถที่จะปวดขาได้นั่นเองเพราะว่าอาการที่เราปวดก็จะมาจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นและการที่ข้อเท้าเป็นเรื่องของการรับน้ำหนักก็เลยทำให้มีอาการปวดของข้อเท้า ดังนั้นเราก็ควรที่จะควบคุมเรื่องน้ำหนักไม่ให้เยอะเกินเพราะว่าอาจจะทำให้เรามีอาการปวดข้อเท้านั่นเอง  อย่างเช่นการที่เราจะเดน หรือว่ากระโดดเป็นส่วนหนึ่งที่ข้อเท้ารับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

การที่เราเปลี่ยนท่าเร็วเกินไป  อย่างเช่นการที่เราเดินอยู่แต่ว่ามีจังหวะที่เราต้องวิ่งขึ้นรถเมย์อย่างนี้เป็นต้นที่ทำให้เกิดอาการอักเสบของเท้าหรือว่าเป็นการที่เราวิ่งและเกิดอาการที่เราปวดแบชนิดเฉียบพลันนั่นเองก็เลยทำให้เราต้องมีอาการปวดตามมานั่นเอง  และการแก้ไขนั้นง่ายก็คือการที่เรารู้ว่าเราต้องวิ่งหรือว่าขึ้นรถนั้นเราต้องพยายามในการขยับข้อเท้าเพื่อที่จะเป็นการยืดยุ่นของกล้ามเนื้อนั่นเอง และการที่เราต้องวิ่งเราก็ควรที่จะวิ่งช้าลงเพราะว่าเมื่อเรารู้แล้วว่าการที่เราวิ่งเร็วทำให้เราเกิดอาการปวดของกล้ามเนื้อไม่มีอาการปวดที่ช้าลงและการที่เราต้องออกกำลังกายเป็นอย่างประจำเพื่อที่จะช่วยให้เรานั้นไม่มีอาการปวดตามข้อเท้า

การที่เราใส่รองเท้าส้นสูง  อันนี้เป็นเรื่องสำหรับผู้หญิงเลยเพราะว่าการที่เราใส่รองเท้าส้นสูงนั้นเป็นเวลาที่นานนั้นอาจจะทำให้เรามีอาการข้อเท้าบวมและปวดข้อเท้าได้เพราะว่าการที่เราใส่รองเท้าสูงเกินไปนั่นเอง  ถ้าหากเป็นเรื่องที่เราต้องมีความจำเป็นในการที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเราก็ควรที่จะใส่ประมาณสองนิ้วนั้นเพราะว่าถ้าสูงเกินเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากเพราะว่าจะทำให้เกิดอาการปวดตามมานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  letou ฟรีเครดิต

สมุนไพรไทยช่วยอะไรได้อะไรบ้าง

อาการเล็กๆน้อยๆอย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ ท้องเสียท้องอืด หรืออาการอื่นๆอีกมากมายหลายคนจะเลือกใช้ยาในแผนปัจจุบันซึ่งได้คิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วมากที่สุดและทันใจดีแต่ลองมองดูสิว่ารอบๆบ้านมีพืชสมุนไพรอะไรปลูกไว้บ้างเพราะพืชสมุนไพรเล่านี้

สามารถนำเอามาใช้รักษาอาการเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ได้และบางชนิดยังสามารถรักษาโรคยอดฮิตอย่างเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และ โรคหัวใจโรคมะเร็งได้อีกด้วยและสมุนไพรเหล่านี้คุณอาจจรู้จักกันดี

เมื่องไทยเรานั้นได้มีของดีอยู่อีกเยอะมากเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศเครื่องแกงสมุนไพรที่เรากินอยู่ทุกวันนี้จริงๆแล้วทั้งหมดนั้นมันเป็นยาหลายตัวและบางตัวฝรั่งยังไม่สามารถสู้เราได้เลย ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของท้องผูกนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องท้องผูกนั้นมีคนเป็นเกือบทั้งหมดในชีวิตคนเราจะต้องเคยเป็นเครียดมากก็สามารถทำให้ท้องผูกได้กินน้ำน้อยก็ทำให้ท้องผูกไม่ออกกำลังกายก็ทำให้ท้องผูกอ้วนไปก็ท้องผูกหลายครั้งบางคนก็ไปหาซื้อยาฝรั่งมากิน กินเข้าไปสักพักก็ถ่ายระบายออกไปหมดก็นึกว่าจะดี

ซึ่งของทุกอย่างมันมีดีและมีข้อเสียสมุนไพรไทยวันนี้จะมาคุยกันยกตัวอย่างเช่นบ้านเราในไทยก็มีตำรับยาดีเรื่องของการแก้ท้องผูกอยู่เยอะตัวแรกเลยที่มีความสำคัญก็คือมะขามแขกมะขามแขกในตลาดเขาเรียกว่า มะขามแขกอินเดียพวกนี้แล้วตามประสบการณ์หมดนั้นกินเข้าไปแล้วมันก็ดี ถ่ายคล่องแต่มันจะแรงเกินไปและมีหัวเชื้อของยาอยู่ด้วยจะรู้สึกไส้บิดจะรู้สึกปวดท้องเพราะมันถ่ายเยอะเกิน

นอกจากนี้เรามาดูเรื่องของตำรับยาไทยเรากันบ้างมันมีอยู่หลายครูบาอาจารย์แล้วก็มีอยู่หลายตำรับสรรพคุณทำเอาไว้ยาตำรับมะขามแขกบางครั้งเขาใส่ส้มป่อยหรือใส่หลายตัวเข้าไปด้วยทำให้การกินถ่ายดีแต่ใส้ไม่บิดนี่คือข้อดีของไทยที่มีดีกว่าของนอกหรือตัวต่อมาเช่น ขมิ้นชัน

ขมิ้นชันนั้นก็จะเป็นตัวลดกรดตัวขมิ้นชันเป็นตัวหนึ่งที่กินเข้าไปหลังอาหารแล้ว จะแก้กรดลดแน่นเฟ้อ เราจะกินกันแต่ยาฝรั่งซื้อยาฝรั่งๆจริงๆของไทยเราเองดีกว่าหรือในบางครั้งมันอาจจะอยู่ในแกงป่าหรือแกงเลียงเรารับประทานกันอยู่แล้วนั่นคือพริกไทยใส่เข้าไปคือตัวไล่ลมทั้งสิ้น

ซึ่งทุกวันนี้มีบางเจ้าหมอเห็นตามท้องตลาดเอ่ยตามคงไม่ดีแต่ลองไปหาดูว่ามียาสมุนไพรทำเหมือนยาสมัยใหม่แต่มันเป็นยาขอบ้านเราเองยามะขามแขกยาขมิ้นชันเอ่ยยาข่าหมอ ข่าหมอก็เป็นตัวไล่ลมที่ดีอีกด้วย

เบาหวานโรคใกล้ตัวที่มีความร้ายแรง

โรคเบาหวานนั้นเป็นโรคที่มีความร้ายแรงค่อนข้างที่จะมากอยู่เหมือนกันนะ แถมยังเป็นการป่วยแบบเรื้อรังอีกต่างหาก แต่มันก็ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นโรคติดต่อแต่สำหรับเราแล้วมองว่ามันก็ยังร้ายแรงอยู่ดี ดังนั้นถ้าหากใครอยู่ใกล้บุคคลที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานไม่ต้องกลัวว่าคุณจะติดเชื้อโรคต่างๆเหล่านี้หรือคุณจะเป็นต่อจากเขาได้เพราะว่ามันไม่ใช่โรคติดต่อในเองดังนั้นวางใจได้เกี่ยวกับการใกล้ชิด

สำหรับโรคเบาหวานนี้เป็นโรคที่ มีปัจจัยอยู่ 2 สาเหตุด้วยกัน นั่นก็คือเกิดจากพันธุกรรมที่ญาติของเราได้เป็นหรืออาจจะเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆการกินต่างๆก็อาจจะชักนำให้คุณเป็นโรคเบาหวานนี้ได้ ลักษณะที่สังเกตง่ายๆเกี่ยวกับโรคเบาหวานนั่นก็คือ หากตรวจแล้วจะพบ น้ำตาลที่อยู่ในเลือดของเราสูงมากขึ้น แล้วมันจะผิดปกติภายในระบบร่างกายของเราหรืออาจจะทำให้ระบบร่างกายของเรานั้นล้วนก็ได้เช่นกัน การเป็นโรคเบาหวานสามารถมีโรคแทรกซ้อนอื่นตามมาได้อีกนะ ซึ่งการเป็นโรคเบาหวานนี้มันจะเป็นระบบที่อาจจะเป็นได้แบบเฉียบพลันหรืออาจจะเป็นแบบเรื้อรังมาตั้งแต่แรกก็เป็นได้

สำหรับโรคเบาหวานมีการแบ่งออกเป็นประเภทหลากหลายประเภทด้วยกัน

โดยอันดับแรกมักจะพบในเด็กหรือวัยรุ่น

อันดับที่ 2 มักจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ

วิธีการรักษาของโรคเบาหวานนั้นก็จะต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอโดยประคองตนเองไว้เพื่อไม่ให้มันอาการหนักกว่าเดิม ซึ่งทางการแพทย์มักจะมีการรักษาด้วยวิธีการทานยาและมันเรียกไปตรวจเช็คน้ำตาลในเลือดค่อนข้างบ่อยเพื่อเป็นผลดีต่อผู้ป่วยเอง ลักษณะของการรักษาก็จะเป็นการฉีดยาเพื่อรักษาและก็จะมีการนำยาไปรับประทานที่บ้านอย่างต่อเนื่องเพื่อจะให้เห็นผลและก็ควบคุมโรคเบาหวานเหล่านี้ไม่ให้กำเริบหนัก

ถ้าหากคุณเป็นโรคเบาหวานแล้วคุณควรที่จะเลือกทานอาหารให้อย่างเหมาะสมยกตัวอย่างเช่นอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณขึ้นสูงก็ควรงดอย่างเด็ดขาดเพราะว่ามันจะส่งผลภายในระบบของร่างกายของคุณอย่างเต็มที่ดังนั้นมันจะทำ แย่ลงหรืออาการกำเริบขึ้นได้อย่างชัดเจนผลข้างเคียงของการเป็นโรคเบาหวานนั้นค่อนข้างที่จะหลายแรงอยู่เหมือนกันดังนั้นการควบคุมอาหารจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเลยนะซึ่งถ้าหากกินมะม่วงหรือกินตามใจปากรับรองได้ว่า โรคเบาหวานของคุณนั้นจะต้องกำเริบอย่างแน่นอน

สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานนั้นคุณจะต้องทำการเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวคุณเอง และมันขยันไปพบแพทย์หรือตามที่แพทย์นัดเพื่อเป็นการตามผลในการเปลี่ยนแปลงของอาการเบาหวานของคุณ สิ่งสำคัญคือควรปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามที่แพทย์ได้ระบุมาเพราะฉะนั้นอาจจะทำให้มันบานปลายกลายเป็นเรื่องร้ายแรงมากขึ้น

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานนั้นถือได้ว่าโลกนี้ค่อนข้างที่จะร้ายแรงแต่อันที่จริงแล้วถ้าหากเราดูแลสุขภาพอย่างดีมันก็จะไม่ส่งผลอะไรเลยนะดังนั้นถ้าหากคุณกำลังเป็นอยู่ขอให้สู้ไปด้วยกันและปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอได้สั่งไว้รับรองได้ว่ามันจะไม่มีการกำเริบขึ้นอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  nowbet

ซึมเศร้าหลังคลอดอันตรายที่คุณแม่คาดไม่ถึง

โรคซึมเศร้าหลังคลอดต้องขอบอกก่อนเลยว่าใครไม่เป็นไม่มีทางเข้าใจแน่นอน เพราะโรคนี้นั้นทุกๆคนต่างมองข้าม แต่ตอนนี้กลับเป็นโรคที่ฮิตสำหรับตอนนี้ไปเสียแล้ว หลายๆคนคงอาจจะได้ยินแค่ชื่อว่าโรคซึมเศร้านั้นมันมีอาการเป็นอย่างไร จะเหงาเหงาหรือซึมหรือเปล่า ต้องขอบลอกก่อนเลยว่าใกล้เคียง

แต่ไม่ใช่ซึมไปวันๆนะ ซึมอย่างเดียวยังพอว่า แต่ซึมแล้วคิดสั้นหรือทำร้ายตัวเองนั้นถือเข้าข่ายโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง ต้องรีบไปพบจิตแพทย์กันไห้เร็วที่สุดด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะเกิดความสูญเสียและเจ็บตัวจากโรคนี้ได้มากถึงมากที่สุด สำหรับข้อความข้างต้นที่เกริ่นนำมานั้น บางคนอาจเข้าใจแล้วว่าโรคซึมเศร้ามันร้ายแรงเหมือนกันนะ ตัดมาที่โรคซึมเศร้าหลังคลอดว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร หลายๆคนอาจสงสัยมานานมาก สาเหตุคือหลังคลอดของคุณแม่ภายใน3เดือนแรก ฮอร์โมนในตัวของคุณแม่จะเกิดการลดลงและเปลี่ยนแปลงอย่างมากจึงทำไห้เกิดอาการของโรคซึมเศร้าได้

คุณแม่บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว งานวิจัยทางการแพทย์ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าคุณแม่หลังคลอดมากกว่า80%เป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด มันอันตรายมากๆเลยนะคะ ขอไห้คุณพ่ออย่ามองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาดเพราะเคยมีข่าวออกม่แล้วว่าผู้หญิงคนหนึ่งในต่างประเทศเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดหลังจากเธอพึ่งไห้กำเนิดลูกน้อย เธอได้ทำการปลิดชีวิตของเธอเอง เห็นไหมล่ะคะว่าโรคซึมเศร้าหลังคลอดนั้นไม่ควรมองข้ามจริงๆ คุณแม่อาจจะเช็คอาการตนเองได้ง่ายๆคือ

1.อยากอยู่คนเดียวไม่อยากทำอะไร เบื่อโลก

2.รู้สึกว่าอยากตาย

3.ทำร้ายตัวเองโดยควบคุมตนเองไม่ได้บางรายอาจทำร้ายลูกน้อยด้วย

4.กระสับกระส่ายนอนไม่หลับเพราะเกิดจากอาการเครียด

5.เมื่อใครพูดอะไรที่กระทบต่อจิตใจจะเก็บไปคิดไปเครียดและทำไห้เกิดไม่อยากอยู่บนโลกนี้

และนี่คืออาการคร่าวๆยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สามารถหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้เพราะโรคนี้เป็นโรคที่คนส่วนมากมักเป็นกันเยอะในปัจจุบัน ถ้าคุณแม่หลังคลอดเริ่มมีอาการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเข้าไปหาจิตแพทย์ได้เลยไปรับยามาทานเพื่อรักษาตามอาการอย่าปล่อยไห้เป็นมากจนรักษาหายยากเพราะใครเป็นแล้วมันทรมานจริงๆ ส่วนถ้าเป็นแล้วไห้ไปเที่ยวเยอะๆห้ามอยู่อุดอู้คนเดียวและที่สำคัญครอบครัวจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำไห้โรคนี้ที่เกิดขึ้นกับตัวเราไห้ทุเลาลงได้ด้วยการไห้กำลังใจกัน

 

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนสด

แคลเซียมผู้ชายกับผู้หญิงใครต้องการมากกว่ากัน?

สำหรับแคลเซียมที่มันจำเป็นที่เราจะต้องรู้นั้นก็คือไม่ว่าจะเป็นการเลือกให้ร่างกายของตัวเองได้เจริญเติบโตและกระดุกจะต้องมีแคลเซียมอย่างแน่นอนฟันจำเป็นควรจะต้องมี

ซึ่งแคลเซียมจริงๆแล้วได้เป็นแร่ธาตุที่ถือว่าจะต้องมีอันดับหนึ่งของร่างกายแต่ประมาณ99%จะอยู่ในกระดุกกับฟันเพราะฉะนั้นแล้วในความหมายก็คือในทั้งตัวของคนเรานั้นถือได้ว่าแคลเซียมเป็นสิ่งของที่มีความจำเป็นอย่างมากเพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่อยากรู้กันเป็นประจำเลยก็คือแคลเซียมซื้อกินหรือจำเป็นหรือว่าดื่นเท่าไหร่บอกได้เลยว่าเวลาจะไปไหนก็จะมีแต่คนเขาจะคอยถาม

เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องมานั่งดูกันว่าจริงๆแล้วมนุษย์คนเราต้องการแคลเซียมกับตั้งแต่เกิดเลยในแต่ละช่วงของแต่ละวัยก็จะมีความต้องการแคลเซียมที่แตกต่างกัน

โดยเฉพาะในวัยตอนตั้งครรภ์กับตอนให้นมบุตรสองวัยนี้ก็คือเด็กจะต้องการที่จะเอาแคลเซียมไปสร้างกระดูกขึ้นมาให้เป็นตัวของเขาใหม่

ดังนั้นผู้หญิงในวัยตั้งครรภ์กับผู้หญิงในวัยให้นมบุตรเป็นวัยที่จะต้องการแคลเซียมเยอะมากที่สุดรองลงมาก็จะเป็นวัยที่จะเริ่มสูงเพื่อที่จะเอาไปสร้างกระดูกหรือในช่วงวัยที่กำลังจะเจริญเติบโตเป็นสองวัยนี้ที่เขาจะต้องการแคลเซียมเยอะ

นอกเหนือจากนี้แล้วสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดคือถ้าหากว่าไม่ได้รับในปริมาณที่เพียงพอมันมีปัญหาแน่ก็คือหลังวัยทองเป็นต้นไปก็คือจะเป็นช่วงกระดูกที่จะเริ่มพรุน

ซึ่งมันก็จะมีอยู่หลายปัจจัยเดียวที่มันจะส่งผลให้กับในเรื่องของการได้รับแคลเซียมและหลายๆคนอาจจะสงสัยว่าเด็กๆเหล่านั้นหลายคนเขาอาจจะต้องการแต่พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วอาจะไม่ค่อนได้รับประทานนมเท่าไหร่ก็เลยไม่ค่อยได้รับประทานฉะนั้นในแง่มุมของการเสริมก็แล้วไปใหญ่จริงๆแล้วผู้หญิงกับผู้ชายมันก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเหมือนกันที่เขาได้บอกไปว่าผู้หญิงต้องการเยอะกว่าผู้ชายหนึ่งเลยจะต้องเอามาตั้งครรภ์สองก็อาจจะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนด้วยเช่นกันการได้รับแคลเซียมการได้รับแคลเซียมก็จะขึ้นอยู่กับการสร้างและการทำลายมนุษย์คนเราก็เหมือนกับแคลเซียมที่เป็นบวกกับลบเราสร้างมันขึ้นมาและก็ทำลายมันทุกวัน

ตั้งแต่เราอายุ1ขวดจนถึงอายุ30ปีส่วนใหญ่แล้วจะสร้างเยอะมากกว่าที่จะทำลายมันก็ยังมีเหลืออยู่บ้างอย่างนี่ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างที่จะเป็นกำไรจะกินหรือไม่กินอยู่ที่การได้รับในแต่ละวันมันค่อนข้างที่จะพอเพียงแต่ตั้งแต่30ขึ้นไปค่อนข้างที่จะขาดทุนและจะขาดทุนมาขึ้นเรื่อยๆขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

 

สนับสนุนโดย  dewabet

สุขภาพที่ดีเกิดจากอะไรได้บ้าง

การมีสุขภาพที่ดีใครบ้างที่ไม่อยากมี ต้องบอกว่ายิ่งในยุคสมัยนี้ด้วยแล้ว การที่เรานั้นจะหาสุขภาพดีๆคงจะยาก เนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เรานั้นต่างก็ต้องเผชิญในแต่ละวัน ล้วนก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงต่อภายในระบบร่างกายของเราด้วยกันทั้งสิ้น หากเรานั้นไม่ดูแลตัวเองจากสิ่งอื่นๆ รับรองว่าส่งผลกระทบในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน

การดูแลสุขภาพเบื้องต้นนั้นไม่ยากอย่างที่คุณคิดนะคะ เพราะมันจะเป็นการช่วยในด้านหนึ่งซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลดีอย่างแน่นอน และการทำให้ถูกวิธีนั้นก็ไม่ยากเช่นกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงการดูแลสุขภาพแบบง่ายๆมาฝาก รับรองได้ว่ามันง่ายมากจริงๆ เพียงแค่คุณสนใจก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน

การทานอาหาร

หลายคนมักจะมองว่าในการทานอาหารนั้นจะต้องให้ครบห้าหมู่ มันก็ไม่ผิดอะไรที่คิดแบบนั้นเพราะว่ามันคือเรื่องจริง แต่มันก็มีวิธีนี้อีกด้วย ซึ่งก็คือการทานอาหารให้ตรงเวลา หลายคนมักจะมองข้ามเกี่ยวกับทานอาหารให้ตรงเวลานะ ซึ่งส่วนใหญ๋จะเป็นการมองว่าจะต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่แต่ก็ลืมไปว่าการทานนั้นจะต้องทานให้ตรงเวลาอีกด้วย 

เพราะมันส่งผลให้ระบบภายในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น การที่ทานอาหารตรงเวลาร่างกายของเราจะจะจำเวลาเหล่านั้น ซึ่งระบบก็จะทำงานตามเวลาเหล่านั้นอีกด้วย 

การดื่มน้ำ

เชื่อว่าหลายคนมักจะมองข้ามของการดื่มน้ำอย่างแน่นอน โดยการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนั้นการดื่มน้ำถือได้ว่าจะไม่ค่อยใส่ใจอย่างที่ควร เพราะส่วนใหญ่มักจะมองเป็นการกินน้ำอย่างอื่นกันเสียมมากกว่า ส่วนใหญ่ที่เราเห็นคนส่วนมากมักให้ความสนใจกับชากาแฟกันมาก ยิ่งเป็นชานมไข่มุกยิ่งเป็นที่นิยม หรือร้านกาแฟที่เป็นคาเฟ่ทั้งหลาย 

โดยที่พวกเขาไม่ได้ตะหนักถึงข้อเสียของมันแม้แต่น้อย แต่ดันไปให้ความสนใจมากขึ้นด้วย การดื่มน้ำสำคัญมากนะ ยิ่งการดื่มน้ำมากๆมันจะสามารถช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายของเราได้ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไปดื่มน้ำที่ผลิตหรือปรุงแต่งสะเยอะ แทนที่มันจะเป็นการเข้าไปช่วย แต่ส่วนผสมของมันกลับเข้าไปทำร้านเราแทน 

การนอนใครว่าไม่สำคัญ

การนอนที่ใช้เวลาน้อยเท่ากับว่าเรานั้นไม่สามารถชาทแบทใหเต็มได้ เท่ากับว่าในวันรุ่นขึ้นเราจะต้องอ่อนเพลีย ไม่สดใส หรือมีพลังในการใช้งานน้อยลง เพราะการนอนล้วนเป้นการทำให้ร่างกายของเราได้พักผ่อน ส่งผลให้มันได้ทำงานดีขึ้น อย่างที่เห็นกันนั้นแหละว่าหากเรานอนน้อยในวันนี้พรุ้งนี้เราจะรู้สึกไม่สดชื่น

 

 

สนับสนุนโดย  dewabet pc

กินน้ำมันแบบไหนให้ห่างไกลโรค

อาหารทอด อาหารมัน ใครๆก็รู้ว่า “ควรกินแต่น้อย” อย่าไปรับประทานเยอะเพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ ก่อโรคต่างๆเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน นำไปสู่โรคหัวใจวาย แถมยังอาจทำให้เกิดโรคสมองขาดเลือดได้อีกด้วย แต่ถ้าใครชอบกินอาหารทอดจะต้องทำอย่างไรดี วันนี้จะมานำเสนอการเลือกรับประทานน้ำมันแบบไหนให้ห่างไกลโรคและดีต่อสุขภาพร่างกาย

น้ำมันหมู จัดเป็นไขมันประเภทอิ่มตัว ส่วนใหญ่มักจะนำมาทำอาหารประเภททอดและผัด มีหลายคนบอกว่า “ทอดไข่เจียวควรใช้น้ำมันหมูเพราะมันจะหอมและน่ารับประทาน” น้ำมันหมูอร่อยก็จริงแต่ควรรับประทานแต่น้อยเพราะน้ำมันประเภทนี้มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงจึงมีโอกาสหากรับประทานในปริมาณมากส่งผลให้เกิดไขมันไปอุดตันที่เส้นเลือดได้ ถ้าดันไปอุดตันที่เส้นเลือดนำเลือดมาเลี้ยงหัวใจก็จะส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติได้ ดังนั้นถ้าจะรับประทานน้ำมันหมูหรือนำมาประกอบอาหาร ควรลดเนื้อสัตว์ที่ติดมันให้น้อยลง ลดการใช้น้ำมันหมูหรือหันมาใช้น้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว เพราะน้ำมันเหล่านี้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย

น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งแน่นอนว่า ถ้ารับประทานในปริมาณมากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงน้ำมันมะพร้าวไม่ค่อยมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวในปริมาณน้อยและไม่ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวโดยตรง

น้ำมันพืช มีไขมันไม่อิ่มตัว ส่วนใหญ่ก็ใช้ผัด ใช้ทอด ประกอบอาหารต่างๆ น้ำมันพืชมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ น้ำมันพืชมีกลิ่นหืน หากตั้งทิ้งไว้ให้น้ำมันสัมผัสกับอากาศ ข้อดีของน้ำมันพืชมีหลายอย่างเช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเพราะจุดเดือดกับจุดหลอมเหลวต่ำ ทำให้ไขมันไม่ค่อยสะสมอุดตันในเส้นเลือกมากนัก ความอร่อยของน้ำมันพืชเมื่อนำมาประกอบอาหารก็ไม่แพ้น้ำมันหมูซักเท่าไหร่ หากใครติดน้ำมันหมูชอบนำมาทำอาหารก็ให้ลองหันมาใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันรำข้าวดูบ้างจะช่วยให้สุขภาพของเราดีขึ้น 

น้ำมัน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ได้ต้องหลีกเลี่ยงแบบไม่กินเลยเพราะน้ำมันก็ยังมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายให้เป็นประโยชน์อยู่ แต่เรื่องที่สำคัญคือ ควรเลือกน้ำมันที่ดีและไม่ก่อให้เกิดโรคตามมาภายหลัง และที่สำคัญคือต้องรับประทานแต่น้อย กินของทอด ของผัดสลับกับเมนูต้ม เมนูผัก สลัดบ้าง อาหารชีวจิตบ้าง เพียงเท่านี้เราก็กินน้ำมันได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  alpha88 ดีไหม